วันนี้ (17 ก.ย.2568) ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ "เจ๋ง ดอกจิก" และ นายศรีสุวรรณ จรรยา พร้อมจำเลยอื่นในคดี โดยกำหนดหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 600,000 บาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ขณะที่ทั้งสองยืนยันจะต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์
นายยศวริศ กล่าวภายหลังฟังคำตัดสินว่า ตนเคารพคำตัดสินของศาล แต่จะต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ โดยเฉพาะประเด็นที่ศาลมองว่าเป็น "เจ้าหน้าที่รัฐ" ซึ่งนำไปสู่การตัดสินจำคุก 6 ปี 4 เดือน รวมคดีคาร์ม็อบในพื้นที่พัทยาและกรุงเทพฯ เมื่อปี 2564
โดยนายยศวริศยืนยันว่า ตนไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากการแต่งตั้งโดยนายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นการแต่งตั้งเฉพาะตัว โดยไม่มีองค์ประกอบของการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น การรับเงินเดือน นอกจากนี้ ตนไม่เคยให้ความสำคัญกับตำแหน่งดังกล่าว และยืนยันว่าไม่มีความเชื่อมโยงกับจำเลยอีก 4 คนในคดี รวมถึงไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใด ๆ จากกลุ่มจำเลย
สำหรับคดีวัดพระบาทน้ำพุ นายยศวริศ ระบุว่า ตนเดินทางไปวัดเพียง 2 ครั้งก่อนที่อดีตเจ้าอาวาสจะถูกจับ เพื่อดูพื้นที่โครงการต่าง ๆ เช่น เรื่องลิง ผู้ป่วยติดเตียง และสนามฟุตบอล โดยไปในฐานะผู้ที่ชื่นชอบการทำบุญและหยอดเงินในตู้บริจาคตามปกติ ไม่เคยโอนเงินให้ผู้ใด และการพบอดีตเจ้าอาวาสครั้งแรกมีการพูดคุยเพียง 5 นาทีเพื่อแนะนำตัวเท่านั้น
ส่วนข้อกล่าวหาครอบครองโฉนดที่ดินของวัดนั้น นายยศวริศยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากไม่มีความสนิทสนมกับอดีตเจ้าอาวาส และหากมีโฉนดจริง ตนคงใช้เป็นหลักทรัพย์ประกันตัวในคดีนี้แล้ว สำหรับการประกันตัวครั้งนี้ นายยศวริศใช้โฉนดที่ดินในจังหวัดนนทบุรี มูลค่า 600,000 บาท
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา ระบุว่า ไม่รู้สึกหนักใจกับคำตัดสิน แต่ผิดหวังที่ศาลไม่ได้นำพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยมาพิจารณาตามที่คาดหวัง โดยพยานหลักฐานที่ปรากฏในสื่อและนำมาใช้ในคดีส่วนใหญ่มาจากฝ่ายตำรวจและผู้เสียหายเท่านั้น ตนจึงเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยื่นในชั้นอุทธรณ์ และมั่นใจว่าศาลอุทธรณ์จะให้ความยุติธรรมหลังพิจารณาข้อเท็จจริงและหลักฐานของตนอย่างละเอียด สำหรับการประกันตัว นายศรีสุวรรณใช้โฉนดที่ดินในกรุงเทพฯ มูลค่า 600,000 บาท ซึ่งเป็นหลักทรัพย์เดียวกับที่ใช้ในชั้นอัยการ
ทนายความของจำเลยตั้งข้อสังเกตว่า การพิจารณาคดีของศาลอาศัยพยานหลักฐานจากฝ่ายผู้เสียหายและตำรวจเป็นหลัก ซึ่งอาจเป็นการสรรหาพยานหลักฐานจากสิ่งที่ผู้เสียหายสร้างขึ้น โดยไม่ได้นำพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยมาประกอบการพิจารณา ซึ่งจะมีการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
อ่านข่าวอื่น :
ศาลสั่งจำคุก เจ๋ง ดอกจิก 6 ปี - ศรีสุวรรณ กับพวก 4 ปี คดีเรียกรับเงิน "อธิบดีกรมการข้าว"