ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

อดีตแกนนำพันธมิตร “อัญชะลี-ยุทธิยง” พร้อมรับคำตัดสินศาลฎีกา

การเมือง
10:39
990
อดีตแกนนำพันธมิตร “อัญชะลี-ยุทธิยง” พร้อมรับคำตัดสินศาลฎีกา
อ่านให้ฟัง
04:52อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

วันนี้ (19 ก.ย.2568) น.ส.อัญชะลี ไพรีรักษ์ พร้อม นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที อดีตแนวร่วมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกากรณี กลุ่มผู้ชุมนุมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ พธม. ยกพวกปิดสถานีโทรทัศน์ NBT ในปี 2551

น.ส.อัญชะลี เปิดเผยว่า ตนได้เตรียมตัวมาแล้ว หากผลคำตัดสินออกมาเป็นลบ โดยได้เตรียมเรื่องของสุขภาพ และศึกษาว่า จะต้องใช้ชีวิตอย่างไรในเรือนจำ เพราะมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เคยติดคุกมาเล่าให้ฟังว่า จะต้องอยู่อย่างไร ยืนยันว่า ตนไม่ได้ท้อ เพราะที่ผ่านมาทำภายใต้กรอบของกฎหมาย

ส่วนกรณีที่มีการเปรียบเทียบ และยกย่องตนกับนายทักษิณ ชินวัตร ในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมว่า ตนมีความเป็นลูกผู้ชายกว่า น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ก็เห็นอยู่และถูกต้อง เพราะกว่าจะลากนายทักษิณเข้าคุกได้ก็ยาก ส่วนตนเดินทางมาศาล และพร้อมน้อมรับคำตัดสิน ซึ่งคดีนี้ตนจะขอไม่ให้ศาลเลื่อน แม้จะมีจำเลยคือ นายภูวดล ทรงประเสริฐ เป็นคนป่วยติดเตียง โดยได้ให้ทนายความไปทำเอกสารชี้แจง เพื่อให้พิจารณาในการอ่านคำพิพากษาได้เลย โดยไม่เลื่อน แม้จะสามารถใช้โอกาสนี้เลื่อนต่ออีก 30 วันได้ แต่ส่วนตัวก็มองว่า เลื่อนอ่านไปก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งในส่วนของนายภูวดล ศาลจะมีคำวินิจฉัยเอง

นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที อดีตแกนนำพันธมิตรฯ มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที อดีตแกนนำพันธมิตรฯ มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที อดีตแกนนำพันธมิตรฯ มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

ด้านนายยุทธิยง เปิดเผยก่อนเข้าฟังคำพิพากษาของศาลว่า วันนี้เตรียมใจรับคำตัดสิน ยืนยันข้อเท็จจริง เท่าที่มีทั้งหมด เอาความสัตย์จริงของชีวิตและหลักฐานต่าง ๆ นำเสนอตามกระบวนการที่มีอยู่

ส่วนคำพิพากษาวันนี้จะมีผลให้มวลชนออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ ตนมองว่า สังคมไทยเปลี่ยนไปแล้ว มวลชนมีความสุขุมขึ้น มีคุณภาพที่สูงขึ้น สิ่งหนึ่งก็คือ เห็นความรักบ้านรักเมืองมากขึ้น จากสถานการณ์ของสงคราม ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน สำนึกของคนไปอยู่ตรงนั้นมากกว่า ซึ่งความคาดหวังในวันนี้ ยอมรับว่าส่วนตัวก็อยากกลับบ้านไปอยู่กับลูก ได้ทำกิจกรรมในชีวิตที่ควรจะได้ทำ เป็นธรรมดาของชีวิต บ้านคือที่ที่อบอุ่นที่สุด

สำหรับคดีนี้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องแกนนำกลุ่มพันธมิตร และแนวร่วมรวม 5 คน ได้แก่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ (เสียชีวิตแล้ว เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2564) น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายภูวดล ทรงประเสริฐ นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตร ทั้งหมดถูกฟ้องร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด

ก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2563 จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ยกเว้นนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ที่ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี แต่เนื่องจากการเสียชีวิตของนายสมเกียรติเมื่อปี 2564 ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีในส่วนของนายไพบูลย์ออกจากสารบบ

ต่อมาวันที่ 10 พ.ค.2565 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนให้จำคุกจำเลยที่เหลือคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในเวลาต่อมาจำเลยทั้ง 4 ได้ยื่นฎีกาและได้รับการประกันตัวในระหว่างชั้นฎีกาด้วยเงินสดคนละ 2 แสนบาท โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในวันนี้ที่ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าว จึงจะทำให้คดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึด NBT ถึงที่สุด หลังผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวมากว่า 17 ปี

อ่านข่าว : กทปส.เร่งพัฒนาระบบตรวจสอบคลื่นกวนสัญญาณฯ ขวางแก๊งคอลเซนเตอร์

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "ครม. อนุทิน" 36 คน 40 ตำแหน่ง

กองทัพไทย ประเดิมติดตั้ง "เสากล้องวงจรปิด" หลังด่านคลองลึก