วันนี้ (23 ก.ย.2568) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวถึงโมเดล สสร.ของพรรคภูมิใจไทย และ พรรคเพื่อไทยว่ามี 2 ข้อสังเกต 1.ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดตราบใดที่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งโมเดลของพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยควรเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่านี้ 2.ต้องทำให้ความเสี่ยงที่จะทำให้ฝ่ายใดจะกินรวบผูกขาด สสร.ในกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญให้ต่ำที่สุด ซึ่งอยู่ที่การออกแบบวิธีการที่รัฐสภาคัดเลือกผู้ที่ถูกสรรหา
โมเดลของพรรคภูมิใจไทยใช้วิธีการคัดเลือกใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ซึ่งหากมีพรรคการเมืองหนึ่งมี สส.จำนวน 200 คน แล้วหากมี สว.แนวคิดคล้ายกัน 160 คน รวมเป็น 360 เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา 700 คน หมายความว่า กลุ่มดังกล่าวสามารถผูกขาดการเลือกคนทำหน้าที่ สสร.หรือ กรรมการยกร่างได้เลย ซึ่งเป็นความเสี่ยงในการผูกขาด จึงเป็นเหตุให้พรรคประชาชนออกแบบกระบวนการคัดเลือกของรัฐสภาอิงตามสัดส่วนพรรคการเมือง
นายพริษฐ์ ยืนยันว่า โมเดล สสร.ของพรรคประชาชน ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามคำวินิจฉัยของศาลระบุว่า ไม่ให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง โดยในโมเดลของพรรคประชาชน หรือ ของพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีส่วนไหนที่ประชาชนไปเลือกผู้ร่างโดยตรง พร้อมทวงถามคำวินิจฉัยเต็มของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการทำประชามติ เพื่อเกิดความสบายใจมากขึ้น
พร้อมกันนี้ก็ถามกลับว่า จะมีใครเป็นผู้ไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามที่ผู้กังวล หากมีการไปยื่นร้องในกระบวนการพิจารณา 3 วาระ ต้องเป็นมติของรัฐสภา ถ้า 3 พรรคการเมืองยืนยันว่า โมเดลที่ได้นำเสนอไม่ได้ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาล และไม่เป็นเหตุให้ไปร้องต่อศาล ก็ถือว่าไม่มีเหตุที่จะทำให้บุคคลใดไปร้องต่อศาล
เมื่อถามว่า กังวลบรรยากาศ สสร.สีน้ำเงิน หรือไม่นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ต้องการให้เป็นสีใดสีหนึ่ง จึงยืนยันว่า วิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้ สสร.เป็นสีใดสีหนึ่ง แต่มีหลากหลายสีที่สะท้อนความเห็นที่หลากหลายของประชาชน คือ 1.ต้องทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้มากที่สุด 2.ทำให้กระบวนการคัดเลือกของรัฐสภาไม่ใช้วิธีการใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งครองเสียงข้างมากอาจจะผูกขาด และเสียงข้างน้อยจะไม่มีตัวแทน
ขณะนี้ 3 พรรคการเมืองยื่นโมเดลของแต่ละภาคเข้ามาเมื่อผ่านวาระแรกก็จะมีข้อถกเถียงในชั้นกรรมาธิการ ที่จะต้องพิจารณาให้เหลือเพียงร่างเดียว ที่จะต้องเกิดบรรยากาศถกเถียงและหาข้อสรุปในชั้นกรรมการ คิดว่า เป็นรายละเอียดที่สามารถพูดคุย ถกเถียงปรับปรุงในชั้นกรรมาธิการ ยิ่งประชาชนส่งเสียงมามาก ว่าอยากเห็นโมเดล สสร.เป็นแบบใดหรือกังวลว่าจะเป็นแบบไหน ในฐานะ สส.สามารถเข้าไปผลักดันให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนได้มากที่สุด
และชี้ว่า สสร.สีน้ำเงิน และ รัฐธรรมนูญ คสช.ปี 2560 เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาทั้งคู่ เชื่อว่า สังคมไทยมีโมเดลการจัดทำรัฐธรรมนูญดีกว่าตัวอย่างดังกล่าว
นายพริษฐ์ ยังย้ำว่า การทำให้ตัวแทน สสร.ที่มาจากความหลากหลายกลุ่มต่าง ๆ เป็นภารกิจสำคัญ เป็นเป้าหมายที่ถูกพรรคการเมืองควรยึดถือ และเน้นย้ำว่า ถ้ามีความกังวลใจว่า กรรมาธิการยกร่างมีตัวแทนจากเสียงข้างมากอย่างเดียว กันกำหนดกติกาในรัฐธรรมนูญหมวด 15 / 1 ว่าให้แบ่งตามสัดส่วนพรรคการเมืองเชื่อว่าจะปลอดภัยที่สุด
อ่านข่าว : ปชน.หนุน สสร.เลือกตั้ง หลังศาล รธน.วินิจฉัยทำประชามติ 3 รอบ
เดินหน้าแก้ ม.256 หลัง ศร.ห้ามประชาชนเลือก สสร.
โซเชียลสะท้อนการเมืองไทย คาดหวังยุบสภา-แก้รัฐธรรมนูญ