ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เสริมทีมสัตวแพทย์ ตรวจเอกซเรย์ "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลง

เสริมทีมสัตวแพทย์ ตรวจเอกซเรย์ "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลง
อ่านให้ฟัง
02:51อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ทีมสัตวแพทย์กรมอุทยานฯ ร่วมกับ ม.เกษตรศาสตร์ เตรียมตรวจอาการและเอกซเรย์ทั่วตัว "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลง เจ็บสะโพก-ขาหลัง เพื่อประเมินอาการและวางแผนรักษา ล่าสุดกินน้ำต้มข้าวผสมนมผงได้ แต่ยังลุกเดินไม่ได้

ความคืบหน้าการดูแลรักษา "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลง ตัวเมีย อายุ 3 วัน หลังเคลื่อนย้ายจากอุทยานแห่งชาติลำคลองงู จ.กาญจนบุรี มาถึงศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี ช่วงเย็นวานนี้ (22 ก.ย.)

วันนี้ (23 ก.ย.2568) สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ และหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ ทีมสัตวแพทย์จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และนายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานฯ จะเข้ามาเสริมทีมสัตวแพทย์ ตรวจอาการและเอกซเรย์ทั่วตัวลูกช้างเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม และวางแผนการรักษาต่อไป

​จากการประเมินอาการเบื้องต้น พบว่า ลูกช้างป่าไม่สามารถลุกเดินได้ และแสดงอาการเจ็บปวดบริเวณสะโพก ขาหลัง และหาง นอกจากนี้ ยังพบการอักเสบที่สะดือและอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นอาการตั้งแต่แรกที่พบลูกช้าง สัตวแพทย์จึงได้ให้ยาเพื่อลดอาการปวดและอักเสบทันที

​ปัจจุบัน ลูกช้างสามารถกินน้ำต้มข้าวผสมนมผงได้ และมีการขับถ่ายเป็นเนื้อครีม แต่ยังไม่พบการปัสสาวะในช่วงเย็นวานนี้ (22 ก.ย.) เจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติลำคลองงู และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก รวมถึงทีมสัตวแพทย์ ได้เฝ้าดูแลอาการอย่างใกล้ชิด

สำหรับทีมเจ้าหน้าที่ที่ร่วมดูแลลูกช้างป่า มาจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ประกอบด้วย สพ.ญ.ลักษณา ประสิทธิชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ และ สพ.ญ.กานต์พิชชา หาญอาษา นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติลำคลองงู จ.กาญจนบุรี ได้ร่วมกันเคลื่อนย้ายลูกช้างป่ามายังศูนย์ฯ บึงฉวาก และดูแลต่อเนื่อง รวมทั้งจะมีสัตวแพทย์ภาคีเครือข่ายฯ ร่วมดูแลรักษาด้วย

อ่านข่าว : เอาใจช่วย "น้องข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลง-บาดเจ็บขาหลัง