วันนี้ (23 ก.ย.2568) นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง และ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคได้จัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 โดยเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ สส.ของพรรคกำลังร่วมลงชื่อ โดยมีสมาชิกเกือบครบตามสัดส่วน 69 เสียง และจะมีการลงชื่อเพิ่มเติมในการประชุมพรรค
อย่างไรก็ตาม ตามรัฐธรรมนูญ การยื่นร่างต้องใช้เสียงอย่างน้อย 1 ใน 5 ของสภา ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมีเพียง 69 เสียง ยังไม่เพียงพอ จึงต้องขอความเห็นชอบจาก สส.พรรคร่วมรัฐบาล โดยได้หารือนอกรอบกับพรรคร่วมแล้ว และคาดว่าหลังการประชุมพรรคในช่วงบ่ายวันนี้ จะรวบรวมรายชื่อครบถ้วน เพื่อยื่นร่างต่อประธานรัฐสภาในวันถัดไปสำหรับบรรจุในระเบียบวาระ
นายภราดร ระบุว่า ร่างของพรรคภูมิใจไทยกำหนดให้ สสร. ประกอบด้วยสมาชิก 99 คน แบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก จำนวน 77 คน มาจากตัวแทนจังหวัดละ 1 คน โดยผู้สมัคร สสร. จะสมัครผ่านจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งอาจให้ กกต. รับผิดชอบการรับสมัคร จากนั้นรัฐสภาจะคัดเลือกให้เหลือจังหวัดละ 1 คน
ส่วนที่สอง จำนวน 22 คน มาจากนักวิชาการ แบ่งเป็นนักนิติศาสตร์ 7 คน นักรัฐศาสตร์ 7 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ 8 คน โดยรัฐสภาจะเป็นผู้คัดเลือกในขั้นตอนสุดท้าย รูปแบบนี้ปรับจากร่างเดิมที่เคยกำหนดให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัย
นายภราดร เปิดเผยว่า ได้หารือนอกรอบกับตัวแทนพรรคต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานศึกษาการทำประชามติของพรรคภูมิใจไทย นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล น.ส.แนน บุญย์ธิดา สมชัย รวมถึง นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน การหารือมุ่งหลีกเลี่ยงการตีความที่อาจขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐบาลและสภาชุดนี้มีเวลาเพียง 4 เดือน หากร่างถูกตีความว่าขัดแย้ง กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจชะงักและไม่สำเร็จ
เมื่อถูกถามถึงข้อกังวลจากนายพริษฐ์ที่ระบุว่า โมเดลการเลือก สสร. ของพรรคภูมิใจไทยอาจนำไปสู่การกินรวบ นายภราดร ตอบว่า ด้วยจำนวน 70 เสียงของพรรคภูมิใจไทย ไม่สามารถกินรวบได้เมื่อเทียบกับพรรคประชาชนที่มีกว่า 140 เสียง หรือพรรคเพื่อไทยที่มีจำนวนใกล้เคียงกัน พร้อมย้ำว่าเป้าหมายสูงสุดคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามบันทึกความเข้าใจ (MOA) ให้สำเร็จภายใน 4 เดือน ทุกพรรคต้องร่วมมือกันอย่างจริงใจ
วันนี้อย่าหวาดระแวงกันจนเกินไป หากหวาดระแวงมากเกิน จะทำให้ถอยหลังแทนที่จะเดินหน้า
เมื่อถูกถามว่า หากไม่ให้รัฐสภาเลือก สสร. จะใช้การแบ่งโควตาตามสัดส่วน สส. ได้หรือไม่ นายภราดร ชี้ว่า การแบ่งโควตาอาจนำไปสู่การกินรวบเช่นกัน เนื่องจากพรรคที่มีเสียงมากจะได้สัดส่วนมาก เช่นเดียวกับการจัดสรรกรรมาธิการ
ความเห็นต่างระหว่างพรรคเมื่อเสนอกฎหมายเป็นเรื่องปกติ แต่ทุกฝ่ายมีปลายทางเดียวกันคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงต้องเจรจาเพื่อหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ เพื่อไม่ให้กระบวนการสะดุดหยุดลง นายภราดร ย้ำว่า ด้วยเวลาที่จำกัด ทุกพรรคต้องร่วมมือเพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมาย โดยเชื่อว่าการเจรจาจะนำไปสู่แนวทางที่ทุกฝ่ายสามารถเดินไปด้วยกันได้
อ่านข่าวอื่น :
สุรินทร์อ่วมน้ำป่าทะลัก ทล.24 สูงเกือบ 1 ม.- สังขะอ่างเก็บน้ำชำรุด
"ศุภชัย" รับเรื่องตรวจสอบ หลัง "สันธนะ" แฉมีผู้บริหาร-ชื่อบุคคลใน ครม. เอี่ยว "กาสิโน"