แล้วก็ได้คำตอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย แสดงเจตนารมณ์จะเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ก่อนการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ว่าสามารถทำได้ หากมีภารกิจสำคัญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 วรรค 2
โดยนายอนุทิน ต้องการใช้เวทีนี้ พบปะกับผู้นำนานาชาติและสื่อสารข้อเท็จจริง เรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังระอุไม่เลิก และฝั่งกัมพูชาใช้วิธีให้มวลชนเป็นทัพหน้าในการก่อหวอดสร้างความวุ่นวาย ทั้งที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ขณะที่ผู้นำตัวจริง อย่างสมเด็จฮุน เซน ยังเคลื่อนไหวให้ท้ายยั่วยุไม่เลิก
นายอนุทิน ย้ำว่า เวที UN มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศไทยหายไปจากวง UN ทั้งที่กำลังถูกร้องเรียนจากกัมพูชาว่า ไทยได้ละเมิดกฎนานาชาติ ทั้งที่ความจริง ประเทศไทยเป็นฝ่ายถูกละเมิดมากกว่า จึงถือเป็นโอกาสดี ที่เราจะได้ชี้แจงและสื่อสารไปยังประชาคมโลก ให้ทราบว่าไทยไม่ได้เป็นตามที่ถูกกล่าวหา
คงจำกันได้ ก่อนหน้านี้ กัมพูชาได้ยื่นเรื่องร้องต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี ตั้งแต่เกิดข้อพิพาทและเกิดการปะทะกันใหม่ๆ เรียกร้องให้เปิดประชุมฉุกเฉิน และกล่าวหากองทัพไทยละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งต่อมา ฝ่ายไทยได้ยื่นเรื่องแจกแจงเหตุการณ์ไปยังยูเอ็นเอสซีเช่นกัน แต่สุดท้าย ยูเอ็นเอสซีไม่ได้มีมติเรื่องนี้ แต่ให้ไทยกับกัมพูชายับยั้งชั่งใจ ลดความตึงเครียด แก้ปัญหาโดยสันติวิธี แต่กัมพูชายังเคลื่อนไหว ยื่นเรื่องร้องเรียนและกล่าวหาไทยไม่หยุด
จึงเป็นเรื่องที่นายอนุทิน ในฐานะผู้นำประเทศ ต้องการขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะทางฝ่ายกัมพูชา สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะเดินทางเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่ สหประชาชาติครั้งนี้ด้วย หากไทยไม่ไปเท่ากับเสียโอกาส
แม้ว่าก่อนหน้านี้ กองทัพไทยจะเชื้อเชิญผู้ช่วยทูตทหารและสื่อมวลชนต่างชาติ ลงพื้นที่จริง ดูความสูญเสียจริงที่เกิดขึ้น แต่ทางกัมพูชาก็ยังใช้วิธีตอบโต้และการข่าวในเชิงรุกนำหน้าไทยเสมอ จนปฏิเสธไม่ได้ว่า ชาวโลกส่วนหนึ่ง ได้รับรู้และเสพข้อมูลที่ออกไปในทางกัมพูชาถูกประเทศไทยซึ่งใหญ่กว่ารังแก ข่มเหง และข่มขู่
นอกจากนี้ การประชุมสมัชชาใหญ่ ยูเอ็น ยังเป็นเวทีใหญ่และมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นเวทีชุมนุมพบปะของผู้นำมหาอำนาจของโลก จึงเหมาะสมสำหรับการเปิดตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย รวมทั้งการแสดงวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำ ไม่ต่างจากนายกฯคนอื่น ๆ อดีตที่ผ่านมา
อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อครั้งเป็นนายกฯ ยังเคยแสดงวิสัยทัศน์ เรียกร้องบรรดาประเทศที่มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 เหลือ ควรแบ่งปันให้ประเทศที่ขาดแคลน ขณะที่โควิดกำลังแพร่ระบาด กลางเวทียูเอ็น เมื่อเดือนกันยายน ปี 2564
ก่อนหน้านั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ไปร่วมประชุมและแสดงวิสัยทัศน์ โชว์โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคของไทย เมื่อเดือนกันยายน 2555
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นนายกฯ ของไทย ที่สร้างสีสันและเรียกเสียงฮือฮาอย่างมาก เมื่อเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่ สหประชาชาติ เมือปี 2566 เดินทางไปร่วมประชุม ด้วยชุดสูทและเน็คไทสีแดง รวมทั้งสวมถุงเท้าสีแดง ซึ่งเป็นสไตล์และความชื่นชอบส่วนตัว แต่ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์ถึงความเหมาะสม สำหรับผู้นำประเทศบนเวทีโลก
แต่สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เวทีประชุมสมัชชาใหญ่แห่งนี้ ดูจะเป็นหนึ่งในความทรงจำไม่รู้ลืม เพราะหลังจากออกเดินทางจากประเทศไทย ไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ เมื่อ 9 ก.ย.2549 จุดหมายแรกอยู่ที่ประเทศทาจิกิสถาน ต่อด้วยการประชุม ASEM ที่ฟินแลนด์ และเตรียมตัวเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่จะมีขึ้น 25 ก.ย.
แต่ยังไม่ถึงวันประชุม 19 ก.ย.2549 ถูกคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยะรัตกลิน ผบ.ทบ.ขณะนั้น ทำรัฐประหารยึดอำนาจ จนต้องลี้ภัยในต่างประเทศ นานกว่า 17 ปี กว่าจะได้เดินทางกลับประเทศ ในเดือนสิงหาคม 2566 แม้ก่อนหน้านั้น จะได้เดินทางกลับประเทศช่วงสั้นๆ ปี 2551 สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
นายอนุทิน จึงเป็นนายกฯ คนล่าสุดของไทย ที่จะได้ไปร่วมประชุม และโชว์วิสัยทัศน์บนเวทีที่ว่านี้ โดยกำหนดการต้องนำคณะรัฐมนตรี เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ในเย็นวันที่ 24 ก.ย.
ก่อนจะออกเดินทาง ในเวลา 03.00 น. ของวันที่ 25 ก.ย. และเข้าร่วมประชุม UNGA วันที่ 26 ก.ย. เสร็จแล้วเดินทางกลับทันที ในคืนนั้น เพื่อให้ทันแถลงนโยบาย ในวันที่ 29-30 ก.ย.
แต่ความหมิ่นเหม่ในข้อกฎหมาย และระเบียบต่าง ๆ แม้คณะกรรมการกฤษฎีกาจะบอกว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 162 เปิดช่องไว้ก็ตาม
แต่ห้วงเวลาเช่นนี้ ที่ศึกนอกยังคุกรุ่น กิจการภายในยังไม่เข้ารูปเข้ารอย แถมยังสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย การจะออกไปต่างเมือง แม้จำเป็นก็ไม่ควรทำ
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : "อนุทิน" เปลี่ยนใจไม่ไปประชุม UN หวั่นกลับมาแถลงนโยบายไม่ทัน
แท็กที่เกี่ยวข้อง: