ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"จุรินทร์" ชี้รัฐบาลอนุทิน เป็น "หนูตกถังข้าวสาร"

การเมือง
14:31
92
"จุรินทร์" ชี้รัฐบาลอนุทิน เป็น "หนูตกถังข้าวสาร"
อ่านให้ฟัง
08:54อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"จุรินทร์" ซัดหลายนโยบายหาเสียงก่อนเลือกตั้งล่องหน เหน็บรัฐบาลมีแต้มต่อมากกว่า กลายเป็น "หนูตกถังข้าวสาร" เก้าอี้เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ มีงบฯ รอให้ใช้ ไม่ต้องออกแรง ชี้ MOA หลงลืมปัญหา ปชช. บอก รมว.ต่างประเทศ ทำได้ดีเรื่องไทย-กัมพูชา

วันนี้ (29 ก.ย.2568) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นอภิปราย ว่า ขอแสดงความยินดีกับรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะรัฐมนตรี หลังจากนี้พรรคประชาธิปัตย์จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในสภาฯ แต่จะไม่ค้านทุกเรื่อง จะว่าไปตามเนื้อผ้า ไม่มีอคติ ไม่มีบุญคุณหรือความแค้นใด ๆ พร้อมทำหน้าที่ร่วมกับฝ่ายค้านทุกพรรค เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดิน

นายจุรินทร์ อภิปรายว่า นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ภาพรวมเขียนไว้กว้าง ๆ ไม่ได้เจาะลงไป เพราะเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ แต่ที่สะดุดคือหลายนโยบายที่หาเสียงก่อนเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ล่องหนหายไป ไม่ปรากฏอยู่ในนโยบายของรัฐบาลชุดนี้

รัฐบาลชุดนี้มีข้อจำกัด 3 ข้อ คือ 1. มีเวลาจำกัด 2. ไม่ได้จัดทำงบประมาณด้วยตัวเอง และ 3. เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือรัฐบาลเป็ดง่อย ซึ่งรัฐบาลเลือกเดินทางนี้ด้วยความเต็มใจ อาจเพราะนายกรัฐมนตรีเป็นนักธุรกิจคงคิดแล้วว่าคุ้มที่จะแลกตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และการเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล

คุ้มที่จะเป็นรัฐบาลต่างตอบแทน คือฝ่ายหนึ่งได้ตำแหน่งนายกฯ และได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อีกฝ่ายหนึ่งได้ยุบสภาและได้แก้รัฐธรรมนูญ โดยมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้อยู่เพียง 4 เดือน แต่อาจจะอยู่นาน 8-9 เดือน หากรับเวลาตั้งแต่โปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี จนถึงวันยุบสภาฯ ที่นายกฯ บอกว่าปลายเดือน ม.ค.2568 กินเวลาไป 4 เดือนกว่า หาเสียงอีก 2 เดือน ถึงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ รวมแล้ว 8-9 เดือน

ต้องยอมรับว่ารัฐบาลชุดนี้มีแต้มต่อมากกว่ามีข้อจำกัด การที่มีผู้มาลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้นายกฯ กลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร เพราะมีเก้าอี้รัฐมนตรีให้มาแบ่งปันกันเหลือเฟือที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองระบบรัฐสภา

นายจุรินทร์ ยังระบุว่า รัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดินก็มีเงินมากองไว้ ไม่ต้องออกแรง เพราะงบฯ เหลือจ่ายปี 68 รออยู่แล้ว 60,000 ล้านบาท งบฯ 69 รอใช้แล้วตั้งแต่ 1 ต.ค.นี้ 3.78 ล้านล้าน เฉพาะงบฉุกเฉินที่เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี 98,000 ล้านบาท อีกทั้งมีนโยบายสำเร็จรูปเตรียมไว้แล้ว โดยผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ หรือ MOU คิดไว้ให้เสร็จสรรพและนำไปปฏิบัติตามได้ทันที

รัฐบาลเหลือคิดเองแค่ 3 เรื่อง คือ นโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา การจัดคณะรัฐมนตรี และการทำนโยบายที่แถลงให้ประสบความสำเร็จ

ส่วน MOA ที่ประชาชนบ่นน้อยใจว่าไม่ได้มีปัญหาของประชาชนอยู่ในสมการ ก็เข้าใจได้เพราะช่วงนั้นต้องช่วงชิงตำแหน่งนายกฯ จนหลงลืมหรือตกหล่นในเรื่องปัญหาของประชาชน และ MOA เป็นข้อตกลงระหว่างพรรคการเมือง แต่ไม่มีผลผูกพันรัฐสภา

อย่างไรก็ตาม นายจุรินทร์ ได้กล่าวชื่นชม ครม.คนนอก ที่จัดออกมาได้ถูกฝาถูกตัว ส่วนรัฐมนตรีอีกบางตำแหน่งกลายเป็นชักใบให้เรือเสีย ส่งให้ ครม.ชุดนี้กระดำกระด่างไป ซึ่งนายอนุทิน นำรัฐมนตรีคนนอกมาเปิดตัวเองเพื่อเรียกคะแนน แต่บางตำแหน่งไม่กล้าเอาออกมาเปิดตัว เหมือนจะทำลับ ๆ ล่อ ๆ สุดท้ายหวยล็อกก็ออกมา สำหรับคนในเข้าใจได้เรื่องโควตาของกลุ่มพรรคการเมือง

สิ่งหนึ่งที่ขอพูดและขอชมท่านนายกฯ ว่า นายแน่มาก กล้าตั้งรัฐมนตรีที่แม้แต่รัฐบาลชุดที่แล้วก็ไม่กล้าตั้ง เพราะไม่อยากเสี่ยงเดินตามรอยนายกฯ เศรษฐา แต่เมื่อตั้งแล้วก็ต้องรับผิดชอบ ผมก็ขอให้รัฐมนตรีชุดนี้ปฏิบัติภารกิจให้ดีที่สุด

นายจุรินทร์ ยังกล่าวว่า ประชาชนวิจารณ์ว่าอยากเห็นการแก้ปัญหาปากท้องมากกว่าการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ตนถือว่าการแก้รัฐธรรมนูญ สามารถที่จะทำควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตามมีคำถามว่า หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใดเสนอเข้าสู่ที่ประชุม และไม่กำหนดเงื่อนไขว่าจะไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 รัฐบาลชุดนี้จะยกมือให้หรือไม่ และคำถามที่สองคือรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) กับ (5) เรื่องคุณสมบัติผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ของรัฐ และองค์กรอิสระ ต้องมีคุณสมบัติที่ระบุไว้ชัดเจนเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญคัญของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงนี้ คำถามคือหากการแก้รัฐธรรมนูญไปแก้ข้อนี้ และแก้ถอยหลังเข้าคลอง นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะสนับสนุนในมาตรานี้ต่อไปหรือไม่

ส่วนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่มีสิ่งใดท้วงติง สิ่งที่รัฐบาลกำลังเดินอยู่คือใช้นโยบายทหาร เศรษฐกิจ และการทูตควบคู่กันไป ในด้านการทูต ตนเองขอชมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) ทำได้ดี นายกรัฐมนตรีก็พลอยได้หน้าไปด้วย แต่คำถามคือที่รัฐบาลเขียนว่าพื้นที่ของไทยตามเส้นเขตแดนสากลที่ถูกครอบครองจะยึดคืนมาให้หมดใช่หรือไม่

นายจุรินทร์ ยังตั้งคำถามถึงการจัดการกาสิโนกัมพูชาที่ล้ำแดนไทย รวมทั้งการทำประชามติยกเลิก MOU ซึ่งไม่ระบุว่า MOU 43 หรือ MOU 44 และเหตุใดรัฐบาลไม่ตัดสินใจเองต้องรอทำประชามติ ส่วนเรื่องโครงการคนละครึ่ง ขอสนับสนุนและให้เร่งทำ รวมถึงระบุว่ารัฐบาลคิดได้แยบยลที่แบ่งออกเป็น 2 เฟส เพราะใกล้ยุบสภาฯ เลือกตั้งพอดี อาจกลายเป็นเศรษฐกิจครึ่งการเมืองครึ่ง

เรื่องสุดท้ายนโยบายการรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด นายจุรินทร์ ระบุว่า เจ้าพนักงานของรัฐคนใดทำเพื่อประโยชน์ทางการเมืองให้ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง และต้องดำเนินคดีอาญา แปลว่าใครไปช่วยหาเสียง เจ้าหน้าที่กลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม รัฐบาลจะจัดการโดยเด็ดขาด ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อยู่ที่การปฏิบัติ อย่างน้อยนโยบายนี้ก็ป้องปรามกรมราชทัณฑ์ไว้ได้ว่าอย่าเอื้อนักการเมืองคนใด ให้ปฏิบัติไปตามกฎกติกาอย่างเคร่งครัด รวมถึง DSI ถ้าเดินหน้าทำคดีต่อ

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ฝากคาถา 5 ข้อสั้น ๆ ว่า ขอให้รัฐบาลระลึกถึงคำถวายสัตย์ปฏิญาณ คือ ไม่โกง เพราะจะมีอันเป็นไป, ทวนมีไว้รบกับเขมร แต่ไม่ได้มีไว้ทิ้ง (ทวน) ก่อนยุบสภา, อย่าใช่ระบบพรรคพวกในการโยกย้ายข้าราชการ, อย่าเลือกปฏิบัติ, อย่าลุแก่อำนาจซ้ำรอยอดีต และอย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เชื่อว่าถ้าทำได้แล้วจะกลับมา ส่วนจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินและประชาชน

อ่านข่าว : "ชลน่าน" อภิปรายนโยบาย "รัฐบาลอนุทิน" ชี้ 4 เดือนยุบสภา 4 เดือนยุบคดี 

"ชลน่าน" อภิปรายนโยบาย "รัฐบาลอนุทิน" ชี้ 4 เดือนยุบสภา 4 เดือนยุบคดี