ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทรัมป์ควรรู้ "ตะวันออกกลาง" ไม่เคยขาดแผนสันติภาพ แต่ส่วนใหญ่ล้มเหลว

ต่างประเทศ
14:27
62
ทรัมป์ควรรู้ "ตะวันออกกลาง" ไม่เคยขาดแผนสันติภาพ แต่ส่วนใหญ่ล้มเหลว
อ่านให้ฟัง
08:06อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
นักวิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯ ชี้แผนสันติภาพกาซา 20 ข้อ "ทรัมป์" ควรศึกษาจากความล้มเหลวในยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงการเมืองที่บดบังสันติภาพแท้จริง แม้จุดประสงค์มุ่งสู่การยุติสงคราม แต่อาจเสี่ยงล้มเหลวจากประวัติศาสตร์ความขัดแย้งทางการเมืองของตะวันออกกลาง

วันนี้ (30 ก.ย.2568) สตีเฟน คอลลินสัน นักวิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯ ชี้ว่าทรัมป์อาจจะต้องเรียนรู้ความล้มเหลวในเคสรัสเซีย-ยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงการเมืองที่บดบังสันติภาพแท้จริง จากกรณีการประกาศแผนสันติภาพกาซา 20 ข้อ ที่แม้เนทันยาฮู นายกฯอิสราเอลจะยอมรับแล้ว แต่ก็ต้องรอฮามาสตัดสินใจ

โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ประกาศแผนสันติภาพกาซา 20 ข้อว่าเป็น "วันอันยิ่งใหญ่แห่งอารยธรรม" ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ฟังดูทะเยอทะยาน แต่ก็ไม่ได้แปลกที่ออกจากปากผู้นำที่ชอบพูดเกินจริงอย่างทรัมป์ แต่สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซายังน่าเวทนา ผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 66,000 คน ตั้งแต่ ต.ค.2566 และตัวประกันที่เหลืออีก 48 คนยังถูกฮามาสกักตัวไว้

คอลลินสันมองว่า แผนนี้จึงดูมีความหวังว่าควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง หากสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ก็อาจเปิดทางให้ชาวปาเลสไตน์มีอนาคตในกาซาและสร้างพื้นที่สำหรับเจรจาข้อพิพาทอิสราเอล-ปาเลสไตน์ได้

แผนสันติภาพกาซา 20 ข้อของทรัมป์ครั้งนี้ดูจริงจังและรอบคอบกว่าครั้งก่อนที่เขาเคยฝันถึงการทำให้กาซาเป็นเหมือนเมืองท่องเที่ยวสุดหรูอย่าง "ริเวียราตะวันออกกลาง" ทั้ง ๆ ที่สภาพเมืองกาซายังเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง แผนสันติภาพนี้ เลือกวิธีค่อย ๆ ทำทีละขั้น และต้องใช้เวลาหลายเดือน เพราะปัญหาความขัดแย้งในกาซานั้นรุนแรงและแก้ไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนตอนทรัมป์ทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน 

อ่านข่าว : รอฮามาสตัดสินใจ ทรัมป์-เนทันยาฮูเห็นชอบแผนสันติภาพกาซา 20 ข้อ

อย่างไรก็ตาม "ตะวันออกกลาง" ไม่เคยขาดแผนสันติภาพ และมีมามากมายนับไม่ถ้วน ทั้งจากสหรัฐฯ ยุโรป ซาอุดีอาระเบีย และ ชาติอาหรับอื่น ๆ

แผนสันติภาพตะวันออกกลางมากมาย ที่ล้มเหลวเพราะการเมือง

ส่วนใหญ่มักจะล้มเหลว เพราะประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนและการเมืองที่คำนวณผลประโยชน์ เช่น แผนแคมป์เดวิดปี 1978 ที่นำสันติภาพอียิปต์-อิสราเอล แต่ไม่ขยายไปยังปาเลสไตน์, ข้อตกลงออสโลปี 1993, สงครามหกวันปี 1967 และยินตีฟาดะห์ทั้งสองครั้ง (1987 และ 2000) ที่ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมองแผนสันติภาพเป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้าม แทนที่จะเป็นทางออกที่แท้จริง

ประวัติศาสตร์เหล่านี้สอนว่าสันติภาพต้องอาศัยการสร้างความไว้วางใจทีละขั้น ไม่ใช่แค่ประกาศยิ่งใหญ่

ความเสี่ยงใหญ่คือ "ฮามาส" อาจปฏิเสธข้อเรียกร้องปล่อยตัวประกันทั้งมีชีวิตและเสียชีวิตภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งอาจเป็นจุดที่เนทันยาฮูคาดหวังให้ล้มเหลว เนทันยาฮูเดินทางมาวอชิงตันในสถานะที่พึ่งพาสหรัฐฯ มากขึ้น ท่ามกลางการโดดเดี่ยวของอิสราเอล จากชาติตะวันตกที่เคยสนับสนุนหลังโจมตี 7 ต.ค. และผิดหวังกับยอดพลเรือนที่ตาย

ทรัมป์เริ่มแสดงสัญญาณกดดัน เช่น ชี้ว่าชาวอิสราเอลอยากกลับสู่สันติภาพ และให้เนทันยาฮูโทรขอโทษนายกฯ กาตาร์เรื่องการโจมตีโดฮา ซึ่งละเมิดอธิปไตยกาตาร์ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าทรัมป์พร้อมใช้อำนาจมากขึ้น

แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เนทันยาฮูอาจเล่นเกมการเมือง โดยทำเป็นยอมรับแผนสันติภาพเพื่อเอาใจทรัมป์ แต่เมื่อกลับอิสราเอลแล้ว ต้องเจอกับฝ่ายพันธมิตรขวาจัดที่อยากกำจัดฮามาส ขับไล่ชาวปาเลสไตน์ และผนวกเวสต์แบงก์ หากเหล่าพันธมิตรยังยืนกราน เนทันยาฮูอาจเสี่ยงล้มรัฐบาลเพื่อเลือกตั้งใหม่ หรือแค่รอให้ฮามาสปฏิเสธแล้วเร่งโจมตีต่อ ซึ่งจะช่วยยืดเวลาให้เขาหลีกเลี่ยงคดีส่วนตัวและการสอบสวนโจมตี 7 ต.ค.ได้

สอดคล้องกับการแถลงร่วมกันหลังจากประชุมในห้องประชุมรูปไข่ ทรัมป์ประกาศว่า หากฮามาสไม่ยอมรับข้อเสนอสันติภาพ 20 ข้อ "บิบิ (หมายถึงอิสราเอล) คุณจะได้รับการสนับสนุนเต็มที่" นักวิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯ บอกกับ CNN ว่าฟังดูเหมือนคำขู่มากกว่าคำเชิญสู่สันติภาพ

ทางเลือกที่ยากลำบากของฮามาส

หากอิสราเอลโดดเดี่ยวมากขึ้น ฮามาสก็โดดเดี่ยวเช่นกัน ทรัมป์แสดงท่าทีอย่างโอ้อวดโดยเอ่ยชื่อผู้นำอาหรับและมุสลิมทุกคนที่สนับสนุนแผนของเขา เขากล่าวถึงฮามาสว่า "พวกเขาเป็นพวกเดียวที่เหลืออยู่ คนอื่น ๆ ยอมรับแล้ว

"แต่ทรัมป์ก็อาจมองโลกในแง่บวกเกินไป"

กาซี ฮะมัด สมาชิกสำนักงานการเมืองฮามาส บอกกับ CNN ว่าแทบไม่มีสัญญาณบ่งชี้เลยว่า กลุ่มฮามาสพร้อมที่จะปล่อยตัว 48 ตัวประกันที่เหลือทั้งหมด หรือจะปรับท่าทีลง และมองว่าการลอบสังหารตัวเขาและนักเจรจาสันติภาพคนอื่น ๆ ในกาตาร์ คือสัญญาณว่าเนทันยาฮูไม่จริงใจ

การยอมรับแผนสันติภาพยังเสี่ยงต่อฮามาส เพราะขาดข้อมูลจากประชาชนชาวปาเลสไตน์ และข้อเสนอให้ทรัมป์เป็นประธาน "คณะกรรมการสันติภาพ" อาจถูกมองว่าทรัมป์มีสิทธิ์ปกครองโดยพฤตินัย แม้จะมีกรรมการคนอื่นเข้าร่วม เช่น โทนี แบลร์ แต่แบลร์ก็เป็นภาพจำจากสงครามอิรักปี 2003 ที่สนับสนุนการรุกรานของอิรัก ทำให้ชาวปาเลสไตน์มองว่าเป็นหายนะ

เราเคยตกอยู่ภายใต้การล่าอาณานิคมของอังกฤษมาแล้ว เราต่อสู้มาเป็นเวลา 100 กว่าปีเพื่อเป็นอิสระจากการล่าอาณานิคมนั้น

มุสตาฟา บาร์กูติ ผู้ร่วมก่อตั้ง Palestinian National Initiative กล่าวว่า "แผนนี้เต็มไปด้วยกับดักใหญ่ โดยเฉพาะหลังปล่อยตัวประกันแล้ว อิสราเอลจะกลับมาโจมตีอีกหรือไม่ ? ไม่มีหลักประกัน"

บทเรียนจากยูเครนชี้ว่า "ทรัมป์" มักชื่นชอบช่วงเวลาที่ตัวเองได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่แต่ก็มักจะขาดความอดทนกับการทูตที่ยุ่งยาก ทั้งสองกรณี (ยูเครน-รัสเซีย และ อิสราเอล-ฮามาส) แสดงให้เห็นว่าทำเนียบขาวเข้าใจผิดอย่างแรงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และการเมืองที่ทำให้คู่ขัดแย้งไม่อยากประนีประนอม

ชะตาของแผนสันติภาพกาซา จึงขึ้นอยู่กับว่าทรัมป์พร้อมจะทุ่มเทอย่างเต็มที่หรือไม่ สามารถใช้แรงกดดันต่อเนทันยาฮูและปูตินอย่างจริงจัง และสร้างกระบวนการทูตเงียบ ๆ ได้หรือไม่ หากผู้นำสหรัฐฯ ทำได้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นสันติภาพที่ยั่งยืน แต่หากไม่ แผนนี้จะเป็นอีกหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ล้มเหลวของตะวันออกกลาง

อ่านข่าวอื่น :

"โสภณ" ลั่นกัญชาจบแล้ว โชว์แผน 4 เฟสแก้ปัญหายาเสพติด

"บวรศักดิ์" เชื่อคนไทยฉลาด ทำ "ประชามติ" พร้อม "เลือกตั้ง" ได้