เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2568 CNN รายงาน อัฟกานิสถานเผชิญกับการตัดขาดอินเทอร์เน็ตครั้งใหญ่ทั่วทั้งประเทศ หลังจากกลุ่มตาลีบันที่ปกครองประเทศ ประกาศตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อปราบปราม "กิจกรรมผิดศีลธรรม" การกระทำนี้ทำให้เกิดความหวาดกลัวว่า ประชาชนกว่า 43 ล้านคน จะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมากขึ้น ภายใต้การปกครองที่เข้มงวดของตาลีบัน
องค์กรเฝ้าติดตามอินเทอร์เน็ต Netblocks รายงานเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 29 ก.ย.ว่า เครือข่ายอินเทอร์เน็ตหลายแห่งในอัฟกานิสถานถูกตัดขาด รวมถึงบริการโทรศัพท์ที่ได้รับผลกระทบ ส่งผลให้เกิด "การดับสนิทของอินเทอร์เน็ต" ทั่วประเทศ ชาวอัฟกันที่อาศัยในต่างประเทศบอกกับ CNN ว่าพวกเขาไม่สามารถติดต่อครอบครัวในอัฟกานิสถานได้เลย ขณะที่ข้อมูลการบินเผยว่าเที่ยวบินหลายเที่ยวที่มุ่งหน้าสู่กรุงคาบูลถูกยกเลิกในเช้าวันนี้
โมฮัมหมัด ฮาดี ชาวอัฟกันวัย 30 ปี ที่อาศัยในกรุงเดลี ประเทศอินเดียตั้งแต่ปี 2562 กล่าวว่า ตั้งแต่เมื่อวาน เขาไม่สามารถติดต่อใครได้เลย ไม่มีวิธีสื่อสารเพื่อยืนยันว่าครอบครัวปลอดภัยหรือไม่ เขาเล่าถึงความตื่นตระหนกในหมู่ชาวอัฟกันในต่างแดนที่ถูกตัดขาดจากคนที่รัก "ทุกอย่างหยุดชะงัก อย่างน้อยเมื่อก่อนเรายังโทรได้"
สื่อในกรุงคาบูลอย่าง Tolo News รายงานว่าการตัดเน็ตกระทบการทำงานของพวกเขาอย่างหนัก สำนักข่าวต่างประเทศอย่าง AP และ Agence France-Presse ก็ไม่สามารถติดต่อสำนักงานในคาบูลได้ การตัดเน็ตครั้งนี้ดูเหมือนเป็นการปิดระบบโทรคมนาคมที่ใหญ่และประสานงานกันมากที่สุดนับตั้งแต่ตาลีบันกลับสู่อำนาจในปี 2564 ทำให้หลายคนกลัวว่าอัฟกานิสถานจะย้อนกลับสู่ยุคมืดสมัยตาลีบันครองอำนาจครั้งแรก ที่ห้ามใช้โทรทัศน์ ดาวเทียม และอุปกรณ์สื่อสารมวลชนเพื่อต่อสู้กับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "ความผิดศีลธรรม"
สาเหตุของการตัดเน็ตครั้งนี้ยังไม่ชัดเจน CNN พยายามติดต่อเจ้าหน้าที่ตาลีบันผ่านแอปส่งข้อความแต่ไม่สำเร็จ และยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกลุ่มตาลีบัน เมื่อต้นเดือน ก.ย. เจ้าหน้าที่ตาลีบันเคยเตือนว่าจะตัดอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศเพื่อป้องกัน "กิจกรรมผิดศีลธรรม"
ฮาจิ ซาอิด ผู้ว่าการจังหวัดบัลค์ทางตอนเหนือ ระบุว่าจะจัดตั้ง "ระบบทางเลือก" สำหรับความต้องการพื้นฐาน แต่ไม่ระบุว่า "กิจกรรมผิดศีลธรรม" คืออะไร คำสั่งนี้มาจากมอว์ลาวี ไฮบาตุลลาห์ อัคฮุนซาดา ผู้นำสูงสุดของตาลีบันที่ไม่ค่อยปรากฏตัวต่อสาธารณะ
นักเคลื่อนไหวเตือนว่าการตัดเน็ตครั้งนี้อาจส่งผลร้ายแรงต่ออัฟกานิสถาน ซึ่งกำลังเผชิญวิกฤตมนุษยธรรมที่เลวร้ายลงนับตั้งแต่ตาลีบันยึดอำนาจในปี 2564 หลังสหรัฐฯ ถอนกำลังอย่างโกลาหล ตาลีบันห้ามเด็กหญิงเรียนเกินชั้นประถม 6 ทำให้หลายคนพึ่งพาการเรียนออนไลน์จากครูในต่างแดนหรือองค์กรการกุศล ซึ่งตอนนี้ตกอยู่ในความเสี่ยง
ซาเบนา เชาดรี ผู้จัดการด้านการสื่อสารขององค์กรสิทธิสตรีอัฟกันในนิวยอร์ก กล่าวว่า การตัดเน็ตไม่เพียงปิดปากชาวอัฟกันนับล้าน แต่ยังตัดขาดสายสัมพันธ์กับโลกภายนอก เชาดรียังบอกว่าพวกเขาไม่สามารถติดต่อพนักงานในอัฟกานิสถานได้ รายงานของสหประชาชาติเมื่อปีที่แล้วระบุว่า ตาลีบันจำกัดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะต่อสตรีและเด็กหญิง ด้วยการสร้าง สภาพแวดล้อมแห่งความกลัวและการข่มขู่
มาเรียม โซไลมานคิล สมาชิกรัฐบาลอัฟกันในอดีตที่ถูกตอลิบานโค่นล้ม เขียนบน X ว่าความเงียบในโลกออนไลน์ที่ไม่มีเสียงจากชาวอัฟกันในประเทศนั้นน่าสะเทือนใจ ประชาชนของเราถูกตัดขาด และโลกอยู่ในความมืดโดยไม่มีพวกเขา เธอเรียกร้องให้อีลอน มัสก์ เจ้าของสตาร์ลิงก์ ช่วยยืนหยัดในฝั่งที่ถูกต้องของประวัติศาสตร์ โดยนำสตาร์ลิงก์มาใช้ในอัฟกานิสถาน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีบริการนี้ตามข้อมูลในเว็บไซต์ของบริษัท
อ่านข่าวอื่น :
ทรัมป์ควรรู้ "ตะวันออกกลาง" ไม่เคยขาดแผนสันติภาพ แต่ส่วนใหญ่ล้มเหลว