วันนี้ (6 ต.ค.2568) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานรำลึก 6 ตุลา ณ ประติมานุสรณ์ " ธรรมศาสตร์กับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519" โดยมีบุคคลทางการเมืองเข้าร่วม เช่น นายสรวิศ ธานีโต ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2, นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า, นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตแกนนำพรรคก้าวไกล, นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย

อธิบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเปิดงาน 49 ปี 6 ตุลา ในช่วงหนึ่งว่า ข้อสรุปจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม คือ ไม่ควรใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาของทางการเมือง ซึ่งจะทําให้เหตุการณ์บานปลายและฝากรอยแผลให้กับสังคมในระยะยาว และตนเชื่อว่างานวันนี้จะช่วยให้สติกับสังคมไทยและไม่ลืมบทเรียนในอดีต และทําให้เป็นสังคมที่ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
ก่อนที่ตัวแทนจากภาคส่วนต่าง ๆ จะร่วมกันวางพวงหรีดและช่อดอกไม้ ที่ปฏิมานุสรณ์ จากนั้นนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อ่านบทกวีรำลึก

อย่างไรก็ตาม บริเวณงานยังมีการแขวนแผ่นป้ายแสดงความคิดเห็น โดยมีข้อความสะท้อนความรู้สึกบางส่วนว่า "เข้าป่าอีสานใต้ 5 ปี ออกมาก็เรียนต่อแล้วไปทำงานต่างประเทศ 30 ปี กลับมาร่วมงานช่วยกิจกรรมเพื่อนรำลึก และสืบสานอุดมการณ์ เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดีงาม ในนามสโมสร 19 อีสานใต้ เป็นองค์กรที่ยังดูแลมิตรสหายที่ยังมีชีวิตอยู่ และอยู่ในหตุการณ์ 6 ตุลาคม นี่ผ่านมาแล้ว49 ปี ความทรงจำไม่เคยลืมเลือน "

ณัฐพงษ์ ย้ำปมโหวตอนุทิน เดินหน้าแก้ รธน.
ขณะที่นายณัฐพงษ์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งต่างฝากความหวังไว้กับพรรคประชาชน ทำการเมืองอย่างมีความหวังให้กับประชาชน และยืนยันในสิ่งที่เรียกร้องมาโดยตลอด คือ ประชาธิปไตย ซึ่งมีเสียงสะท้อนบางส่วนที่ระบุว่า รู้สึกผิดหวังบ้างกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา
แต่สิ่งสำคัญที่สุด ที่ได้ตัดสินใจไป เพื่อต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำให้ระบบการปกครองในประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเดินหน้าปฏิรูปกองทัพและหยุดยั้งวงจรรัฐประหาร ไม่ให้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนเหมือนที่ผ่านมา
ขณะที่การเดินหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนจะทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างไร นายณัฐพงษ์ ระบุ ต้องทำความรู้ความเข้าใจกับประชาชนอย่างรอบด้านในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากมีรายละเอียดค่อนข้างมากและในช่วงเวลาการจัดทำ 4 เดือนนี้ จะเป็นในเรื่องของที่มาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่มองไปไกลกว่านั้น คือหลังจากที่มีการเลือกตั้งมาแล้ว และมีการลงประชามติผ่าน สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือเนื้อหาภายในรัฐธรรมนูญที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขการจัดตำแหน่งแห่งที่ขององค์กรอิสระต่าง ๆ จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้กลับมาเป็นอาวุธทำลายการเมือง เพื่อให้เกิดการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันอย่างแท้จริง นี่คือสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น
ส่วนในประเด็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนจะมีทิศทางเช่นไรนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ประเด็นละเอียดอ่อนทุกคนต่างรับรู้ รับทราบดี และต้องใช้เวทีในรัฐสภา ทั้งเวทีที่ปรึกษาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่พรรคประชาชนออกแบบอยากให้มีตัวแทนจากภาคประชาชนมาสะท้อนความเห็นในทุกประเด็น
ส่วนกังวลหรือไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะถูกเบรกโดยสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นายณัฐพงษ์ ยอมรับว่า มีการประเมินไว้อยู่แล้ว แต่เชื่อว่าเป็นหน้าที่ของพรรคและตัวนายกรัฐมนตรีเอง ซึ่งทุกพรรคต้องส่งเสียงเรียกไปยัง สว. และสิ่งที่ประชาชนได้สะท้อนออกมาตนเชื่อว่าหลาย ๆ ปี ที่ผ่านมา ได้มีการส่งเสียงว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นสิ่งสำคัญ และไม่น่าจะมีเหตุผลที่ใครจะมาขัดขวางกระบวนการนี้ เพราะคนที่จะตัดสินคือประชาชนที่จะไปออกเสียงประชามติในวันเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลมีการพุ่งเป้าไปที่ สว.จะเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญสะดุดหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกคนสามารถแยกแยะได้ เพราะการอภิปรายในฐานะฝ่ายค้านที่เป็นผู้ตรวจสอบในทุกเรื่อง แต่ขณะเดียวกันกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญก็เป็นหน้าที่ของ สว. ที่อย่างน้อยจะต้องโหวตเห็นชอบในวาระหลักการ เพื่อที่จะรับทุกร่างเข้าไปหารือในช่วง 2-3 เดือน

ชี้ MOU 43-44 ละเอียด-ซับซ้อน
นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐบาลให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเรื่อง MOU 43-44 ว่า ผลสำรวจของนิด้าโพลที่สำรวจเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าประชาชนราว 70% มีความไม่เข้าใจ กับค่อนข้างไม่เข้าใจเป็นเสียงส่วนใหญ่ เกี่ยวกับเนื้อหารายละเอียดของ MOU ฉบับดังกล่าว ตนเชื่อว่าสิ่งที่จะทำให้ประชามติเป็นกระบวนการสะท้อนเจตจำนงของประชาชนจริง ๆ คือออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงโดยมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนั้นอย่างดีเพียงพอระดับหนึ่ง
แต่เรื่อง MOU มีความละเอียดซับซ้อน ก็มีข้อห่วงใยว่าการทำประชามติแบบนี้ ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ใช่ผลที่สะท้อนเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชน
ส่วนพรรคประชาชนจะเสนอให้รัฐบาลทบทวนเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เสนอทบทวนมาโดยตลอด ทุกครั้งที่ตนมีโอกาสตอบคำถามสื่อมวลชนก็จะบอกอย่างนี้ตลอด และเชื่อว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นอกจากทราบจากตนก็น่าจะทราบจากนักวิชาการและเสียงสะท้อนจากสังคม
"จริง ๆ ควรเป็นหน้าที่ฝ่ายบริหาร รัฐบาลไม่ควรโยนการตัดสินใจนี้ให้เป็นภาระของประชาชน เพราะได้ความไว้วางใจไปในการตัดสินใจเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ในเรื่องที่มีความละเอียดซับซ้อน เรื่องความมั่นคง รัฐบาลจะทำอย่างไรก็แสดงความรับผิดรับชอบ ตัดสินและทำเองได้เลย"
ส่วนคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การเสนอมาในช่วงจังหวะนี้ทั้งที่การเลือกตั้งครั้งหน้า มีบัตรอย่างน้อย 2 ใบ คือ สส.เขต และ สส.บัญชีรายชื่อ อีกทั้งเรื่องการจัดทำประชามติที่มี 2 คำถาม ดังนั้นการเสนอมาอีกบัตรเลือกตั้งในเรื่องประชามติ MOU ส่วนหนึ่งก็มีข้อห่วงใยว่าอาจเพิ่มภาระประชาชนในการออกเสียง ที่ต้องทำความเข้าใจเรื่องละเอียดซับซ้อนหลายเรื่อง จึงต้องให้สังคมช่วยกันวิเคราะห์ว่าเหมาะหรือไม่ และเป็นข้อเสนอที่มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างไรหรือไม่
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ก่อนที่ ครม.จะมีมติไปถึงการทำประชามติ เราคงส่งเสียงเรียกร้องว่าไม่เห็นด้วยกับกระบวนการการจัดทำประชามติ สิ่งที่สำคัญกว่าคือกระบวนการ หากส่งเสียงคัดค้านแล้วรัฐบาลเดินหน้าต่อ ก็เป็นหน้าที่พรรคประชาชน และทุกพรรคการเมืองที่ต้องรณรงค์ให้มากที่สุด ต้องหาวิธีอธิบายเรื่องละเอียดซับซ้อนให้ดีที่สุด
อ่านข่าว : ปธ.กมธ.ต่างประเทศ เชิญ "สีหศักดิ์" แจงปมประชามติ MOU 43-44
แท็กที่เกี่ยวข้อง: