เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2568 วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมคุณภาพไม้ผล ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนฯ นำทีม สส.พรรคประชาชน รับฟังข้อมูล แลกเปลี่ยนความคิดเห็นโครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง โดยมีประชาชนเข้าร่วมประมาณ 200 คน
นางเบญจวรรณ ทับทิมทอง เครือข่ายรักษ์พะโต๊ะ กล่าวว่า คนพะโต๊ะ 97 % ประกอบอาชีพเกษตรกรรม พื้นที่พะโต๊ะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม มีเอกสารสิทธิ์เพียง 25 % ชาวสวนพะโต๊ะมีรายได้จากพืชเกษตรในปี 2567 จำนวนกว่า 8,000 ล้านบาท และในปี 2568 มีรายได้กว่า 7,000 ล้านบาท
โครงการแลนด์บริดจ์ ทำให้นายจ้างกลายเป็นลูกจ้างรายวัน ส่งผลกระทบต่อที่ทำกิน พื้นที่ป่าของพะโต๊ะ โดยเป็นเส้นทางขนส่ง รถไฟ มอเตอร์เวย์ และพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 18,740 ไร่ เส้นทางน้ำจะถูกตัดขาด แม่น้ำจะแห้ง ส่งผลกระทบต่อชาวสวนและคนใช้น้ำในพื้นที่ อ.พะโต๊ะ อ.หลังสวน อ.ทุ่งตะโก และ อ.ละแม โรงงานก่อให้เกิดมลพิษ

ถ้าหากทุเรียนปนเปื้อนสารพิษถูกตีกลับ แล้วจะขายใคร พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ให้สัมปทานพื้นที่แก่นายทุนต่างชาติทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ สามารถนำแรงงานต่างชาติเข้ามาไม่จำกัดจำนวน สามารถทำอาชีพสงวนของคนไทยได้ด้วย แล้วคนไทยที่ถูกเวนคืนจะอยู่ตรงไหน อยู่อย่างไร สังคมล่มสลาย
นายสมโชค จุงจาตุรันต์ เครือข่ายปกป้องแผ่นดินชุมพร-ระนอง กล่าวว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้ถูกปิดปาก ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นคัดค้านโครงการ อยากให้สำรวจใหม่ ยกเลิกกฎหมายที่ล้าหลัง กฎหมายที่ละเมิดสิทธิชุมชน ให้ชาวบ้านมีสิทธิทำกิน
"ภท.-พท." ทำร่างกฎหมาย SEC ที่ไม่สนใจคนพื้นที่
เรื่อง พ.ร.บ.SEC 4 ร่างของพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และรัฐบาลแพทองธาร ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนการขนส่งจราจร (สนข.) จัดทำ เนื้อหาไม่ต่างกัน ประชาชนในพื้นที่ไม่เห็นด้วย อยากให้เสนอแผนพัฒนาภาคใต้ที่ยั่งยืน สนับสนุนการเกษตร ซึ่งมีรายได้รายวันจากยางพารา รายได้ราย 2 สัปดาห์จากปาล์มน้ำมัน และรายได้รายปีจากมังคุดทุเรียนผลไม้ อากาศที่นี่ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องเอาสิ่งแปลกปลอมมาให้คนพะโต๊ะ
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กล่าวว่า เรื่อง พ.ร.บ.SEC มีความชัดเจนว่า พรรคประชาชนไม่เห็นด้วย ถ้าหากมีการผลักดันในช่วง 4 เดือนนี้ ซึ่งเป็นฝ่ายค้านเสียงข้างมาก ไม่มีทางผ่านสภาผู้แทนราษฎรแน่นอน
พะโต๊ะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ มีความร่ำรวยทางชีวภาพ ควรยกระดับมูลค่าจากผลผลิตทางการเกษตร การตัดเส้นทางการไหลของน้ำจะส่งผลต่อคลอง การตั้งนิคมอุตสาหกรรมบนพื้นที่ทำมาหากิน พื้นที่ที่ควรค่าต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าหากวันหนึ่งพรรคมีอำนาจเข้าไปบริหารประเทศ แทนที่เราจะเอาเมกะโปรเจกต์ โดยอ้างว่า จะยกระดับเศรษฐกิจ แต่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน เปลี่ยนมาลงทุนกับคน ลงทุนในเมือง ลงทุนกับความยั่งยืน เปลี่ยนจากการลงทุนที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ มาลงทุนกับทรัพยากรมนุษย์ การศึกษา การรักษาพยาบาล สวัสดิการก้าวหน้า ลงทุนในเมือง ให้น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีงานทำ มีคุณภาพชีวิตที่ดี
เปลี่ยนผ่านโครงสร้างไฟฟ้าเป็นพลังงานสะอาด และลงทุนกับความยั่งยืน เช่น การผลิตสินค้าคาร์บอนต่ำ ประเทศไทยมีศักยภาพมากกว่าที่คิดเยอะ ทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ต้นทุนทางวัฒนธรรม คนไทยที่เก่ง
รัฐบาลอนุทินนี้ยังเดินหน้าต่อจากรัฐบาลเพื่อไทย
ตามที่รัฐบาลก่อนหน้านี้เสนอนโยบายระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ SEC และ โครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง-ชุมพร เป็นนโยบายเรือธง ที่พยายามผลักดันให้มีกฎหมายพิเศษเพื่อนำมาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ และได้มีการดำเนินงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EIA และ EHIA) มาแล้วไม่น้อยกว่า 4 โครงการย่อย คือ โครงการท่าเรือน้ำลึกอ่าวอ่าง จ.ระนอง โครงการท่าเรือน้ำลึกแหลมริ่ว จ.ชุมพร โครงการรถไฟรางคู่ และโครงการมอเตอร์เวย์ ที่ใช้เชื่อมระหว่างท่าเรือน้ำลึกทั้ง 2 จังหวัด
รัฐบาลปัจจุบันที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย ยังสานต่อนโยบายและโครงการดังกล่าว แม้จะไม่มีการแถลงเรื่องนี้ต่อรัฐสภา ในระหว่างวันที่ 29-30 ก.ย.2568 ที่ผ่านมา แต่เห็นได้ชัดจากบทสัมภาษณ์ของรัฐมนตรีบางท่าน การเสนอร่างกฎหมายระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทยถึง 2 ฉบับ และการผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ในพื้นที่ จ.ระนองและชุมพร
ที่ผ่านมาเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่และในระดับภาคใต้ เคยยื่นหนังสือทักท้วงนโยบายระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้และโครงการแลนด์บริดจ์ ถึงนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มาแล้ว ด้วยมีข้อสังเกตสำคัญ ดังนี้

ผลกระทบเพียบ แต่ไม่ศึกษาผลกระทบฯ เชิงยุทธศาสตร์
1.โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องประกอบด้วยโครงการย่อยอีกหลายโครงการ แต่กลับไม่มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA : Strategic Environmental Assessment) ด้วยพบว่า เป็นการแยกกันศึกษาเป็นรายโครงการย่อยที่ต่างหน่วยงานผู้รับผิดชอบต่างทำ อย่างเช่น โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกอ่าวอ่าง โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกแหลมริ่ว โครงการรถไฟรางคู่ โครงการมอเตอเวย์ โครงการนิคมอุตสาหกรรม (ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต)
เชื่อว่าจะมีโครงการอื่น ๆ ตามมาอีกหลายโครงการ ซึ่งวิธีการศึกษาเช่นนี้จะไม่ทำให้เห็นภาพใหญ่ของโครงการทั้งหมด อันจะทำให้ขาดระบบการประมวลผลกระทบ และผลสัมฤทธิ์ของโครงการที่แม่นยำ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจ และการดำเนินโครงการที่ผิดพลาดได้
ขณะที่ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งจราจร หรือ สนข. พยายามอธิบายว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SEA โครงการแลนด์บริดจ์ไว้แล้ว โดยสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
พวกเราเห็นว่า การศึกษาดังกล่าวนั้น ไม่ใช่ความหมายของการศึกษา SEA โครงการแลนด์บริดจ์ระนอง-ชุมพร หากแต่เป็นการศึกษาเพื่อดูความเป็นไปได้ และความคุ้มทุนในการจัดทำแลนด์บริดจ์เท่านั้น
2.กระบวนการศึกษาโครงการ หรือการจัดทำ EHIA ของโครงการท่าเรือน้ำลึกฯ ทั้ง 2 พื้นที่ ถือว่า ด้อยมาตรฐานทางวิชาการและไม่เคารพการมีส่วนร่วมของประชาชน หากนับตั้งแต่วันเริ่มต้นในการศึกษาออกแบบ และการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในแต่ละโครงการย่อย ถือว่าเป็นกระบวนการที่มีมาตรฐานด้านวิชาการ และด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนน้อยมาก
อย่างเช่น การรับรู้ของผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง การเชิญผู้เข้าร่วมเวทีที่ไม่ทั่วถึง การใช้วิธีการรับฟังความคิดเห็นระบบออนไลน์ เป็นต้น จนมีคำถามว่า ในขณะที่โครงการขนาดใหญ่ใช้งบประมาณจำนวนมาก ถึงใช้วิธีการศึกษาที่ไม่เหมาะสม อันเป็นการจำกัดการรับรู้การมีส่วนร่วม และการแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นที่จำกัด
ส่งผลต่อรายงานที่มีการสรุปในเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 3 หรือเวที ค.3 ของโครงการท่าเรือน้ำลึกทั้ง 2 ฝั่ง ที่มีนักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นรายงานที่ขาดการมีส่วนร่วมและพบข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกับเป็นความจริง ปรากฏในรายงานหลายส่วน

ร่าง พ.ร.บ.SEC ทั้ง 4 ฉบับ ขัดรัฐธรรมนูญ
3.ร่างพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (ทั้ง 4 ฉบับ) อาจจะเข้าข่ายขัดกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพราะมีลักษณะของการละเมิดสิทธิชุมชน สิทธิมนุษยชน และสร้างความเหลื่อมล้ำในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกันในหมู่ประชาชนด้วยกัน กับนักลงทุน (ซึ่งอาจจะเป็นคนต่างชาติ) โดยมีการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายหลายฉบับในบางมาตรา อย่างเช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน การจัดการทรัพยากรและพื้นที่อนุรักษ์ การประกอบอาชีพสงวน การเงิน แรงงาน ผังเมือง และอื่น ๆ
ซึ่งจะนำไปสู่การมีมาตรฐานทางสังคมที่ไม่เท่ากัน ของพลเมืองกับนักลงทุนที่เข้ามาใช้พื้นที่พิเศษ ทั้งเป็นร่างกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “...การรับรอง ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยให้ชัดเจนและครอบคลุม อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยถือว่าการมีสิทธิเสรีภาพเป็นหลัก และการจํากัดตัดสิทธิเสรีภาพเป็นข้อยกเว้น แต่การใช้สิทธิเสรีภาพดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เพื่อคุ้มครองส่วนรวม..”
เมื่ออ่านในรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว พบว่า ขัดกับรัฐธรรมนูญในหลายมาตรา เช่น มาตรา 25 การใช้สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ตราบเท่าที่ไม่กระทบกระเทือน หรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ

มาตรา 26 การตรากฎหมายที่เป็นการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคล ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือหากไม่มีการบัญญัติไว้ก็ต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระหรือจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลเกินสมควร ไม่เพิ่มภาระหรือจํากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ
และจะกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลมิได้ ทั้งต้องระบุเหตุผลความจำเป็นในการจํากัดสิทธิ และเสรีภาพไว้ด้วย โดยกฎหมายนั้นต้องมีผลเป็นการบังคับใช้ทั่วไป และมาตรา 27 บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครอง ตามกฎหมายเท่าเทียมกัน
ขณะเดียวกัน กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งถูกริเริ่มในภาคตะวันออก และเป็นต้นแบบให้กับร่างพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ ยังอยู่ในระหว่างการประเมินผลสัมฤทธิ์ แต่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ยากจะฟื้นคืนมาได้
แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันก็มิได้แสดงความมุ่งมั่น ในการถอนร่างพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษแต่อย่างใด กลับมุ่งหวังการเติบโตทางเศรษฐกิจ และละเลยมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม กับโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการภายใต้กฎหมายฉบับนี้
การไม่ดำเนินการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment: SEA) ที่เป็นมาตรฐาน จึงอาจทำให้การพัฒนาไม่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ เกิดความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่
4.รัฐบาลควรรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอทางวิชาการของสถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ ที่มีข้อทักท้วงถึงความไม่คุ้มทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ และมีการศึกษาที่เป็นวิชาการว่า โครงการนี้จะมีความเสี่ยงหรือผลกระทบอย่างไรบ้าง ทั้งด้านงบประมาณ ด้านสังคมและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ที่ดินป่าไม้ แหล่งท่องเที่ยว ร่วมถึงมิติทางด้านสังคมวัฒนธรรมที่จะต้องสูญเสียภายใต้โครงการนี้

ละเลยไม่ฟังเสียงกลุ่มเปราะบาง-คนท้องถิ่น-กลุ่มชาติพันธุ์
5.รัฐบาลละเลยต่อการรับฟังเสียงของประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่มคนไทยพลัดถิ่น และ กลุ่มชาติพันธ์มอแกน แม้ว่าหน่วยงานรัฐผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโครงการท่าเรือน้ำลึกระนอง จะอ้างว่า ได้จัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะหลายครั้ง แต่ยังพบว่า กลุ่มคนเปราะบาง เช่น กลุ่มคนไทยพลัดถิ่นและกลุ่มชาติพันธ์มอแกน กลับไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลโครงการ และไม่สามารถมีส่วนร่วมอย่างเพียงพอ ที่จะสามารถสะท้อนถึงปัญหา และผลกระทบที่พวกเขาจะต้องเผชิญจากการพัฒนาโครงการนี้ได้
6.รัฐบาลต้องคำนึงถึงศักยภาพการพัฒนาที่ยั่งยืนของพื้นที่ จ.ระนอง ชุมพร และภาคใต้ในมิติอื่น ๆ ด้วย ไม่ใช่แต่การพัฒนาภายใต้โครงการแลนด์บริดจ์เท่านั้น กล่าวคือ โครงการแลนด์บริดจ์เป็นโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ที่จะสร้างช่องว่าง และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างประชาชนกับผู้ประกอบการต่างชาติ
โดยคนในพื้นที่จะต้องกลายเป็นผู้เสียสละทั้งที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย ฐานทรัพยากร และสังคมวัฒนธรรมดั้งเดิม ซึ่งพวกเรามีความเชื่อว่า จ.ระนอง ชุมพร และภาคใต้ ยังมีศักยภาพอีกมากที่ไม่ถูกพัฒนาอย่างจริงจัง อย่างเช่นมิติของการท่องเที่ยว การประมง และการเกษตร ที่เพียงรัฐบาลกล้าคิดแตกต่างจากรัฐบาลอื่น ๆ
ที่ผ่านมา ก็จะสามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับคนในพื้นที่ได้ไม่ยาก ด้วยเพราะภาคใต้ไม่เคยถูกส่งเสริมการพัฒนาอย่างเป็นระบบเพื่อให้ศักยภาพที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเรายังเชื่อว่าหากมีรัฐบาลมีวิสัยทัศน์มากพอ ก็จะสามารถสร้างการพัฒนาที่จะทำให้คนในพื้นที่ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ทั่วถึงเป็นธรรม และยั่งยืน มากกว่าโครงการแลนด์บริดจ์หลายเท่า

ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะทั้งหมดนี้ ไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลที่ผ่านมาและรัฐบาลปัจจุบัน กระบวนการดำเนินงานต่าง ๆ รัฐบาลยังเร่งเดินหน้าดำเนินโครงการนี้ไปให้ได้ ทั้งที่ผลการศึกษาภายใต้โครงการย่อยต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการแบบไม่สนใจรับฟังความคิดเห็นของคนตัวเล็กตัวน้อยในพื้นที่ ไม่ว่าโครงการท่าเรือน้ำลึกทั้งสองฝั่ง โครงการมอเตอร์เวย์ โครงการรถไฟรางคู่ขนส่งสินค้า หรือแม้แต่การศึกษาสำรวจที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรม ยังไม่แล้วเสร็จ
รัฐบาลกลับเดินหน้านำเสนอโครงการแลนด์บริดจ์ กับนักธุรกิจและกับรัฐบาลประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ยิ่งเห็นได้ถึงการตั้งเป้าหมายในการดำเนินโครงการอยู่แล้วโดยไม่สนใจกระบวนการและผลการศึกษาทั้งหมดแต่อย่างใด
จึงขอนำเสนอข้อเท็จจริงที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ผ่านมายังหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ได้เป็นข้อมูลตั้งต้น ได้นำเรื่องทั้งหมดนี้ไปสู่กระบวนการทางรัฐสภา เพื่อให้รัฐบาลได้รับรู้และเข้าใจถึงข้อห่วงกังวลของพวกข้าพเจ้าทั้งหมด ในฐานะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่โครงการทั้งใน จ.ระนองและชุมพร ด้วยหวังว่าจะนำไปสู่การทบทวนนโยบายดังกล่าวต่อไป
อ่านข่าว : ก.คลัง เตรียมเสนอ ครม.เคาะ "คนละครึ่งพลัส" วันนี้
เร่งช่วยอีกหลายร้อยคนติดบน "เอเวอเรสต์" หลังพายุหิมะถล่ม
"รมว.ยุติธรรม" ปัดตอบกรณียกฎีกาอภัยโทษ "ทักษิณ" เหตุเป็นความลับราชการ