วันนี้ (7 ต.ค.2568) นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการกรรมการร่วมกันเพื่อพิจารณาประชามติ แถลงเกี่ยวกับไทม์ไลน์การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กับช่วงเวลายุบสภาตาม MOA ไม่สามารถสอดคล้องกันหรือทำให้ทันได้ โดยหยิบยกว่า มีความเกี่ยวข้องกับกฎหมาย 4 ฉบับ คือ รัฐธรรมนูญ, ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา,กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง, กฎหมายประชามติ และอาจรวมถึง MOA
ไล่เรียงแต่การทำประชามติครั้งที่ 1 - 2 รวมกันตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องทำโดยรัฐสภาไม่ใช่ ครม. แต่ ครม.ทำได้โดยจัดสรรงบประมาณและประสานกับ กกต.กำหนดวัน แต่คำถามการทำประชามติต้องมาจากรัฐสภาเท่านั้น และจาก MOA พรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยต้องยุบสภาภายใน 120 วัน หรือในวันที่ 31 ม.ค.2569 โดยเฉพาะเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 - 60 วัน ซึ่งจะตรงกับวันที่ 29 มี.ค.2569
ส่วนการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมวาระแรกของรัฐสภาในวันที่ 14 - 15 ต.ค.นี้ ยังต้องติดตามว่าจะร่างทั้ง 3 ฉบับจะมีร่างฉบับใดผ่านบ้าง โดยยังมีบางฉบับที่ยังเป็นข้อสงสัยว่า ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลหรือไม่ โดยเฉพาะร่างของพรรคประชาชนที่มีการกำหนด สสร.จำนวน 100 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนว่าจะขัดต่อคำวินิจฉัยหรือไม่
เมื่อรัฐสภารับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแล้วจะมีการตั้งกรรมาธิการเพื่อพิจารณาในวันที่ 15 ต.ค.หลังจากนั้นประชุมกรรมาธิการเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จในชั้นกรรมาธิการ ก่อนที่จะเปิดสมัยประชุมวันที่ 12 ธ.ค.และเตรียมบรรจุสู่วาระการประชุมรัฐสภาวาระ 2 - 3 คาดว่าจะบรรจุได้วันที่ 22 - 23 ธ.ค.2568
เมื่อเห็นชอบวาระ 3 ตามรัฐธรรมนูญต้องรอ 15 วัน ก็จะไปลงล็อกในช่วงต้นเดือน ม.ค.2569 จากนั้นส่งไปยัง ครม.ดำเนินการในการทำประชามติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวใกล้กับห้วงเวลาการยุบสภาตาม MOA ซึ่งหากยุบสภาก่อนที่จะดำเนินการทำประชามติก็ไม่สามารถทำได้
จากแนวทางการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไป ก็ยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากยังไม่มีการกำหนดวันเลือกตั้ง และ ครม.รักษาการไม่สามารถทำได้ ซึ่งเป็นปัญหาและกลไกของสภาที่ยังซ้อนกันอยู่
หาก ครม.มีมติ ก็ยังไม่สามารถที่จะกำหนดวันเลือกตั้งได้ เพราะยังไม่รู้ เพราะไม่ได้ยุบสภา แต่ถ้ายุบสภา ครม.ก็มติไม่ได้ พอไม่ยุบสภา ใช้เวลา 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ ครม.ดำเนินการ ก่อนวันที่ 29 ม.ค. ก่อนที่จะยุบสภา เวลาตั้งแต่ยุบตรงนั้น ไม่พอ 90 วัน มีเพียง 70 กว่าวัน เพราะฉะนั้นเป็นไปตามกฎหมายประชามติที่กำหนดไว้ ในการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง ดังนั้นการที่จะให้มีเลือกตั้งพร้อมกับทำประชามติคำถามครั้งที่ 1 - 2 พร้อมกันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
นายนิกร เสนอทางออกให้ปรับระบบการประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ การเพิ่มหมวด 15/1 หรือแก้ ม.256 จะต้องประชุมเพิ่มวันเพื่อเร่งให้แล้วเสร็จ กลางเดือน พ.ย.2568 จากนั้นประชุมสมัยวิสามัญเพื่อให้ความเห็นชอบวาระ 2 - 3 เท่านั้น เพื่อที่จะทำให้กรอบเวลาอยู่ในช่วง 90 วัน
สำหรับการทำคำถามเพื่อไปทำประชามติตามกฎหมายฉบับปัจจุบัน ซึ่งฉบับแก้ไขใช้เสียงข้างมากชั้นเดียวยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเพื่อให้ทันในการประชุมรัฐสภาจัดทำคำถามทำประชามติคำถามที่ 1 - 2 จึงขอให้ทุกฝ่ายพิจารณาเรื่องนี้
มันจะกลายเป็นว่า ที่คาดหวังกันไว้อาจจะล้มทั้งยืนได้เพราะมีกลไกของกฎหมาย เราคิดของเราเองว่าทำได้ แต่โดยกลไกและหลักกฎหมายทำไม่ได้ เชื่อว่า หากทำเช่นนั้นจะถูกร้องเพราะขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดต่อข้อบังคับการประชุมรัฐสภา
นายนิกร ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับไทม์ไลน์การจัดทำรัฐธรรมนูญที่ไม่ลงล็อกเพื่อนำไปทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไป อาจจะเป็นเหตุทำให้ต้องเลื่อนการยุบสภาขัดต่อ MOA หรือไม่ และย้ำว่า เป็นความซับซ้อนของไทม์ไลน์ เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้เพราะยังไม่มีการยุบสภา และ ครม.ไม่สามารถมีมติกำหนดวันทำประชามติได้ เป็นแง่มุมทางกฎหมาย หากเสนอทำประชามติไปก็ถูกร้องแน่ ต้องเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาวาระ 2 - 3 เท่านั้นถึงจะมีทางออก
ต้องเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาวาระ 2 - 3 เท่านั้นถึงจะมีทางออก
ทั้งนี้กฎหมายประชามติ กำหนดเกี่ยวกับการจัดทำประชามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องไม่เร็วกว่า 90 วัน และไม่ช้ากว่า 120 วัน ขณะที่การยุบสภาจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วันและไม่ช้ากว่า 60 วัน โดยมีความซับซ้อนในเรื่องไทม์ไลน์
อ่านข่าว : "ภูมิใจไทย" ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อ "ประธานรัฐสภา"
โมเดล คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 2 พรรค "เพื่อไทย-ประชาชน"
"ปชน.-พท." เสนอโมเดล ส.ส.ร. จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่