ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“อิ๊งค์” นำคิกออฟแคมเปญ “เพื่อไทย” ลั่นกลองรบไม่ยอมแพ้

การเมือง
17:30
53
“อิ๊งค์” นำคิกออฟแคมเปญ “เพื่อไทย” ลั่นกลองรบไม่ยอมแพ้

พรรคเพื่อไทย เปิดคิกออฟแคมเปญ ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศ ด้วยการแสดงวิสัยทัศน์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรค ล็อตแรกหลายสิบคน จากยอดที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค พูดเกริ่นไว้ จะมีมากถึง 190 คน และจะส่งครบทั้ง 400 เขตเลือกตั้ง

แม้จะไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพร้ส์ เพราะเป็นที่ทราบล่วงหน้าอยู่แล้วว่า พรรคต้องมีความเคลื่อนไหว ให้มีข่าวปรากฏบนหน้าสื่อหลัก และสื่อออนไลน์ แข่งขันกับพรรคการเมืองอื่น ๆ บ้าง ในช่วงเวลาที่กำลังนับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง สส. และเพื่อแสดงให้ภายนอกได้ทราบว่า ข่าวเลือดไหลออกไม่หยุด เป็นเพียงเรื่องโคมลอย แม้อาจจะมีบ้าง แต่เป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง

แม้นายสรวงศ์จะย้ำว่า ไม่มี สส.อีสานเปลี่ยนใจย้ายพรรค เพราะได้มีการหารือกับทุกคนแล้ว ยืนยันมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แต่วันเดียวกันที่พรรคภูมิใจไทย กลับมีข่าวเปิดตัว สส.จากพรรคเพื่อไทย อย่างนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ นายโกศล ปัทมะ สส.นครราชสีมา และนายพงศกร อรรณนพพร อดีต สส.ขอนแก่น และอดีตรัฐมนตรีช่วยศึกษาฯ รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รวมอยู่ด้วย

แต่การจัดอีเวนต์ใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ยังมีนัยสร้างขวัญและกำลังใจให้กับ สส.และเอฟซีพรรค ที่อาจยังสองจิตสองใจ ให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร หรือ “คุณหญิงอ้อ” นายหญิงของพรรค ก็ลงทุนลงแรงไปปรากฏตัวให้กำลังใจ ถึงที่ประชุมพรรคมาแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน

เป็นภารกิจที่จะว่าไปแล้ว เป็นเสมือนตัวแทนคนในตระกูลชินวัตร ในช่วงที่นายทักษิณ ชินวัตร ผู้นำทางจิตวิญญาณ ขณะนี้ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม และยังไม่มีโอกาสออกมาขุดลอกท่อ เพื่อเรียกคะแนนสงสารเห็นใจ และแย่งชิงพื้นที่ข่าวบนหน้าสื่อได้

แต่กระนั้น ย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า การไปปรากฏตัวที่พรรคเพื่อไทย ของคุณหญิงอ้อ หรือแม้แต่การเปิดตัว นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เขยใหญ่ สามี น.ส.พิณทองทา คุณากรณ์วงศ์ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อหวังสะท้อนว่า ครอบครัวชินวัตร ยังไม่ทิ้งพรรคเพื่อไทยนั้น ย่อมสร้างความฮือฮาและเป็นข่าวบนหน้าสื่อเพียงไม่กี่วัน ก็ต้องเงียบหายไป

จึงได้เห็นพรรคเพื่อไทยใช้สื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย ที่เคยได้ชื่อว่า โดดเด่นนำหน้ากว่าใครในช่วงก่อนหน้าที่พรรคอนาคตใหม่จะแจ้งเกิด นำกลับมาใช้ในการสื่อสารกับสาธารณชนอีกครั้ง ทั้งประมวลการอภิปรายของ สส. ในการแถลงนโยบายรัฐบาล และสรุปผลงานรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในรอบ 2 ปี ตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน จนถึงรัฐบาล น.ส.แพทองธาร

เป็นการนำเสนออย่างเป็นระบบ ดูดี แบบมืออาชีพ ตามด้วยการคิกออฟแคมเปญ “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศ” ประกาศพรรคเพื่อไทยจะกลับมา ด้วยผลงานที่ทำไว้ รวมทั้งประกาศสานต่อนโยบายที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ริเริ่มไว้ ไม่ว่าจะโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เศรษฐกิจปากท้อง รวมทั้งเรื่องเปิดพรมแดนและหาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ๆ เพิ่มรายได้ในกระเป๋าประชาชน

แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะยังไม่เป็นใจสักเท่าไหร่ เพราะขณะเดียวกัน รัฐมนตรียุติธรรมคนใหม่ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ ยืนตามความเห็นตาม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรียุติธรรมตนก่อน ให้ยกฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษนายทักษิณ ที่ได้ทำตั้งแต่วันแรกที่กลับเข้าเรือนจำ เท่ากับต้องติดคุกตามคำพิพากษาศาลฎีกา 1 ปี หมดสิทธิ์จะได้ออกมาช่วยเหลืออะไรพรรคเพื่อไทยได้ในช่วงนี้

ขณะที่ผลโพลจากไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน อายุ 18 ปีขึ้นไปล่าสุด พรรคภูมิใจไทย อยู่อันดับ 1 พรรคที่ประชาชนอยากให้เป็นแกนนำรัฐบาล 20.57 % แซงพรรคประชาชน อันดับ 2 ที่ 16.91 % ส่วนพรรคเพื่อไทย ได้อันดับ 4 เพียง 5.28 % หากไม่นับคนยังไม่เลือกพรรคใดเลย 23.82 % และกลุ่มที่ยังไม่แน่ใจ 21.87 % หนำซ้ำพรรคเพื่อไทยยังเป็นพรรคที่ผู้ร่วมสำรวจไม่อยากให้เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล มากที่สุด ถึง 41.86 %

จึงเป็นการบ้านโจทย์ใหญ่สำหรับพรรคเพื่อไทยที่เคยเป็นพรรคยอดนิยมอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เลือกตั้ง สส.ปี 2544 เรื่อยมากระทั่งถึงเลือกตั้ง สส.ปี 2562 ก่อนจะเสียแชมป์ ไม่ได้สส.เป็นอันดับหนึ่งครั้งแรก ในการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 ที่พ่ายแพ้ให้กับพรรคก้าวไกล (พรรคประชาชนปัจจุบัน)

อันเป็นผลจากความผิดพลาดล้มเหลว ตั้งแต่การกลับมาและทำตัวเป็น “นายใหญ่” ของนายทักษิณ ชินวัตร มีอำนาจบารมีและการตัดสินใจเหนือ น.ส.แพทองธาร ที่เป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ การกลับไปกลับมาของนโยบายพรรคและรัฐบาล เช่น แก้รัฐธรรมนูญ กฎหมายนิรโทษกรรม กระทั่งปิดทางการเป็นพรรคของมือบริหารอาชีพ นอกวงศ์วานตระกูลชินวัตร จนต้องเสียมือดี มีต้นทุนทางสังคมสูง

อย่างนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. อดีตแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งปี 2562 หรือแม้แต่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตแคนดิเดตนายกฯ อีกหนึ่งคนของพรรค ซึ่งในอดีต เป็นชื่อแรกในผลสำรวจอีสานโพล ของ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่คนภาคอีสานสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี และยืนหนึ่งนานร่วม 2 ปี

การเร่งเปิดแคมเปญ และแสดงความพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง โดยชิงรีบเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสส.เป็นพรรคแรก ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาต้นตอจริงของพรรค แต่กลับเป็นเสมือนซุกซ่อนปัญหาและความผิดพลาดไว้ใต้พรม จึงไม่แน่นักว่า จะเป็นตัวช่วยของพรรคเพื่อไทยอย่างที่คนมีอำนาจในพรรค คาดหวังได้หรือไม่

เผลอๆอาจเป็นตัวเร่งความเสื่อมถอยให้เร็วขึ้นก็เป็นได้

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : เปิดรายละเอียด "คนละครึ่งพลัส" ใครได้สิทธิ ? ตรวจคุณสมบัติด่วน

"แพทองธาร" ยกเครื่องเพื่อไทย ลั่นไม่สูญพันธุ์ ตั้ง "สุริยะ" คุมศึกเลือกตั้ง

"อนุทิน" คิกออฟ 28 ต.ค.68 เพิ่มทางเลือกประชาชนซื้อยานอกรพ.เอกชน