ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

หอการค้าฯปรับเป้าGDPเพิ่ม 2% ชี้เศรษฐกิจไทยเริ่มกระเตื้อง -ส่งออกโตเกินคาด

เศรษฐกิจ
15:28
59
หอการค้าฯปรับเป้าGDPเพิ่ม 2% ชี้เศรษฐกิจไทยเริ่มกระเตื้อง -ส่งออกโตเกินคาด
อ่านให้ฟัง
05:57อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
หอการค้า ปรับเพิ่มเป้าจีดีพีปีนี้เป็น 2% หลังส่งออกโตเกินคาด และการลงทุนเอกชนพลิกบวก ชี้คนละครึ่งพลัส-เติมเงินบัตรคนจน คาดเงินสะพัดในระบบกว่า 82,000 ล้านบาท ดันจีดีพีปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.44%

วันนี้ ( 8 ต.ค.2568) นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ประกาศปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 จาก 1.7 % เป็น 2.0% เนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจมากกว่าผลลบ

โดยปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยผลักให้จีดีพีทั้งปีปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีดีพีในช่วงครึ่งปีแรก ขยายตัวได้สูงถึง 3% เร่งขึ้นจากประมาณการเดิม ,การส่งออกครึ่งปีแรกขยายตัว 15% โตเกินคาด จากการเร่งนำเข้าของสหรัฐอเมริกา และคาดว่าทั้งปีนี้จะโตเพิ่มขึ้นจากเป้าเดิม 2.5% เป็น 6% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนครึ่งปีแรก ขยายตัวเป็นบวก1.4%หลังจากที่ติดลบมานาน

นอกจากนี้รัฐบาลยังมีการดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัส และเติมเงินบัตรคนจน คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจรวม 59,080 ล้านบาท และ23,000 ล้านบาท ตามลำดับ จะช่วยผลักให้จีดีพีปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.44%

ส่วนปัจจัยลบสำคัญคือนักท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวนเพียง 16.7 ล้านคน และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมฟื้นตัวเพียง 80.0% เมื่อ เทียบกับระดับก่อนโควิด-19 ,มีรัฐบาลเสียงข้างน้อยบริหารประเทศในระยะเวลาสั้นเพียง 4 เดือน ,ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชายืดเยื้อคาดว่ามีการปิดด่านไปจนถึงปลายปี เบื้องต้นคาดว่าจะสร้างผลกระทบด้านการค้าราว 59,103 ล้านบาท ฉุดจีดีพี ลดลง0.32% และยังมีสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่รวม 5.3 ล้านไร่ ใน 36 จังหวัด

ในช่วงที่เหลือจนถึงสิ้นปีเศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบทำให้จีดีพีทั้งปีนี้ต่ำ หรือ สูงกว่าเป้าคาดการณ์ใหม่ 2% ซึ่งเป็นกรณีฐาน หรือ กรณีที่มหาวิทยาลัยคาดว่าเป็นไปได้มากที่สุดได้ ได้แก่ปัจจัยยทางด้าน ภาษีTransshipment,เสถียรภาพของรัฐบาล เสียงข้างน้อย , ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา และ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว ซึ่งจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า มหาวิทยาลัยได้ทำแบบจำลองสถานการณ์ไว้เพิ่มเติมดังนี้ กรณีที่แย่ที่สุด จีดีพีปีนี้อาจโตเพียงลดลงเหลือ 1.2% หากสหรัฐประกาศ สัดส่วน Local Content เพิ่มจาก 40% เป็น 60% ,รัฐบาลประกาศยุบสภาก่อน 4เดือน ,ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดทั้งปี และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเหลือ 33 ล้านคน

และกรณีที่ดีที่สุด จีดีพีอาจโตเพิ่มขึ้นเป็น 2.4% หาก การเจรจาภาษีTransshipment ยังไม่ เสร็จสิ้นภายในปี 2568 ,ยุบสภาภายใน 4 เดือน ตามข้อตกลง เปิดด่านชายแดนฯ ภายในเดือนต.ค. 2568 และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 34ล้านคน

การปรับเพิ่มประมาณการณ์จีดีพีปีนี้เป็น 2% แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกและลบ ที่อาจทำให้โตสูงหหรือต่ำกว่าเป้าได้ ทั้งนี้ต้องขอดูผลของมาตรการคนละครึ่ง และบัตรสวัสดิการรัฐก่อนว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากแต่ไหน เบื้องต้นคาดว่า ทั้ง 2 มาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่4ให้ฟื้นขึ้นได้แน่นอน ส่วนจีดีพีในปีหน้ายังมองไม่ชัด แต่อาจจะเติบโตได้ ราว 2-2.5%

อย่างไรก็ตาม สนับสนุนให้ ธปท. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะที่ผ่านมา การลดดอกเบี้ย ไม่มีผลให้ อัตราสินเชื่อของธนาคารกลับมารวมทั้งเห็นด้วยกับมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนผ่านกลไกของ AMC เพื่อดึงหนี้เสียออกมาจากระบบ หรือ เพิ่มการขยายการซื้อหนี้ให้การปล่อยสินเชื่อง่ายขึ้น เร่งลดปัญหาหนี้ครัวเรือนให้ต่ำกว่า 86% ต่อจีดีพีจะเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจได้ดี

นอกจากนี้ ควรดูแลให้ อัตราเงินเฟ้อ ในช่วงที่เหลือของปี ให้กลับมาเป็นบวกโดยเร็ว ซึ่งน่าจะดีขึ้นหลังใช้มาตรการคนละครึ่ง สะท้อนถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี เพื่อให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้โตใกล้เคียง 2.5% ให้ได้ เพราะธนาคารโลกยังคงประเมินให้ไทยเป็นประเทศที่เศรษฐกิจโตต่ำสุดในอาเซียนและที่สำคัญ ต้องวางรากฐานเศรษฐกิจในระยะยาวทั้งเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน และวางโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ เพื่อให้เป็นประเทศไทยกลับน่าสนใจในเวทีโลก

 

อ่านข่าว:

 "อนุทิน" คิกออฟ 28 ต.ค.68 เพิ่มทางเลือกประชาชนซื้อยานอกรพ.เอกชน

หั่นเป้าเงินเฟ้อเหลือ 0.0% สนค. เผยราคาพลังงาน-อาหารลด ยันไม่ใช่เงินฝืด

ประเมิน "นักท่องเที่ยวจีน" เที่ยวไทยเพิ่มเฉลี่ยวันละ 2.2 หมื่นคน