วันนี้ (9 ต.ค.68) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีเชิญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เข้าชี้แจงกรณีของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธว่า ในการพิจารณาของ กมธ.ครั้งนี้ หนังสือที่ได้เชิญ ร.อ.ธรรมนัส น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เชิญในลักษณะที่เป็นตัวท่านเลย เขียนชัดเจนว่า ให้มาด้วยตนเอง
ดังนั้นการจะมอบท่านอื่นมา เราไม่สามารถตอบรับได้ ทราบเป็นหนังสือว่า ร.อ.ธรรมนัสจะมีการมอบให้ทีมทนายความมา จึงได้สั่งการกับเลขาฯ ว่า ร.อ.ธรรมนัสต้องมาด้วยตนเองเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลที่ไม่อนุญาตให้ผู้แทนของ ร.อ.ธรรมนัส หรือใครก็ตามเข้าประชุมได้ เนื่องจากไม่ใช่บุคคลที่ถูกเชิญ เรื่องง่ายมาก ผมเชิญ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ได้เชิญนายธนดล
ส่วนที่นายธนดลระบุว่า ได้รับหนังสือมอบอำนาจ มีหนังสือแต่งตั้งชัดเจน นายรังสิมันต์ ชี้แจงว่า เราทำหนังสือเชิญให้มาเข้าร่วมการประชุม ร.อ.ธรรมนัส นางนฤมล และนายไชยชนก เป็นรัฐมนตรี เราก็ให้เกียรติท่าน จะให้ออกอำนาจเรียกทันทีก็อาจจะเกินความจำเป็น เพราะการใช้อำนาจเรียก ปกติแล้วตามแนวทางที่ทำกันมา จะใช้ก็ต่อเมื่อไม่ได้รับความร่วมมือ
ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์ตลอดว่า พร้อมให้ความร่วมมือ แต่ไม่เห็นมีเหตุความจำเป็นอะไรที่จะใช้อำนาจเรียก ที่จะต้องขอมติที่ประชุม กมธ.
การออกหนังสือเชิญถือเป็นการทอดไมตรี ให้ ร.อ.ธรรมนัสชี้แจงเอง เนื่องจากมีคนเข้าใจท่านผิดเยอะ ท่านจะได้ชี้แจง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านจึงไม่มาหากไม่มา วันนี้มีเหตุผลพอฟังแล้วอธิบายได้คือ ติดภารกิจอะไรแล้วจะมาเมื่อไร มีความจำเป็นที่จะต้องบอกเรา เราจะได้จัดการให้ กมธ.พร้อมอำนวยความสะดวกในวันที่เหมาะสม
แต่วันนี้เราไม่ได้รับคำตอบอะไร ตนค่อนข้างแปลกใจ เพราะ ร.อ.ธรรมนัสเป็น สส.มาหลายสมัย น่าจะรู้ว่ากระบวนการของ กมธ.ทำงานอย่างไร ถ้าเป็นหนังสือเช่นนี้ ก็ควรรู้ว่าไม่ควรจะส่งใครมา อย่างไรก็ตามจะมีการเชิญรอบที่สองแน่นอน โดยจะกำหนดวันเวลาอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามที่นายธนดล กล่าวว่า นายเบน สมิธ กับนายเบน ที่นายรังสิมันต์อภิปรายถึงเป็นคนละคนกัน เราต้องพิสูจน์กันเยอะ ข้อมูลที่เชื่อมโยงเบน สมิธ กับเงินทุนสีเทาที่อยู่ในกัมพูชามีหลายส่วน นายธนดล เป็นทนายความ เป็นที่ปรึกษาของ ร.อ.ธรรมนัส พยายามยก บริษัทเทียนเทียนเวนเจอร์ขึ้นมาพูด เบนจามิน เบอร์เจอร์ หากดูข่าวจะพบประวัติเกี่ยวข้องเยอะเริ่มต้นตั้งแต่ยุคปี 2000 หนึ่งในบริษัทที่ถูกเชื่อมโยงชื่อบริษัทเบอร์เจอร์ซิเคียวริตี้ ซึ่งถูกกล่าวหาว่า เป็นบริษัทคอลเซนเตอร์รุ่นดั้งเดิม
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า บางครั้งคนที่กระทำผิด ไม่ใช้ชื่อจริงนามสกุลจริงอยู่แล้ว จึงต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ปัญหาคือคดีนี้ กลต.แจ้งว่า อยู่ในชั้นอัยการตั้งแต่ปี 2564 กมธ.ถามว่า มีสิ่งที่พอชี้ชัดหรือพิสูจน์เรื่องนี้ได้ เช่น ลายนิ้วมือ ซึ่งหน่วยงานระบุว่า อยู่ระหว่างการแสวงหา และเราไม่ทิ้งประเด็นนี้ เพราะจุดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับหลายกระบวนการคือธนาคาร BIC Bank ร.อ.ธรรมนัสอธิบายได้หรือไม่ว่า ทำไมเพื่อนของนายเบน สมิธถึงไปปรากฏที่ธนาคาร BIC
ถ้าจะดิสเครดิตผม ท่านต้องมีข้อมูลมากกว่านั้น การดำเนินการทางกฎหมายมีข้อมูลที่ชี้ชัด เริ่มกระบวนการที่จะดำเนินการ ไปสู่การเอาผิดเขาอีกเรื่องหนึ่ง แต่ท่านปฏิเสธ จะยอมรับหรือไม่ว่า ทุนสีเทาจะยึดประเทศ ท่านไม่ทำอะไร อาจจะบอกว่าไม่มีหน้าที่ แต่วันนี้ท่านกำลังจะใช้ทุกวิถีทางไม่ให้ความร่วมมือกับ กมธ. ให้คณะทำงานพยายามมาฟ้องปิดปากผม ในสิ่งที่ผมพยามออกมาแฉ
นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า ตนทำหน้าที่อย่างไม่เกรงกลัวใคร อยากให้ประชาชนตื่นตัวเพื่อนำไปสู่การปราบปรามอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ แต่รัฐบาลหน้าไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งจะต้องมีนโยบายปราบปรามเชิงรุกกับแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ พอเสียทีกับการเล่นงานคนที่ออกมาเปิดโปง ไม่ต่างกับการที่ท่านรู้เห็น จัดการกับคนที่ปราบปรามคอลเซนเตอร์ ไม่รู้ว่าท่านทำเพื่อใคร
อ่านข่าว :
แท็กที่เกี่ยวข้อง: