วันนี้ (10 ต.ค.2568) พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผู้บัญชาการทหารอากาศ คนที่ 31 แถลงนโยบาย และเจตนารมณ์ผู้บัญชาการทหารอากาศ ประจำปี 2569 ที่โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
ผู้บัญชาการทหารอากาศ ย้ำในเจตนารมณ์สานต่อจากผู้บัญชาการทหารอากาศคนเก่า มุ่งเน้นวิสัยทัศน์เสริมสร้างความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ ภายใต้หลักการ 5 ด้าน คือ สร้างความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ ความเป็นเอกราช และความเป็นทหารอากาศ
มียุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย บุคลากรมีความเป็นมืออาชีพ โปร่งใสมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือการสร้างบุคลากรให้เป็นทหารอากาศที่ดูแลห้วงอากาศและอวกาศ
พล.อ.อ.เสกสรร ย้ำถึงการสร้างบุคลากร ว่า ต้องให้โอกาสคนทุกเพศทุกตำแหน่งที่มีความรู้ความสามารถได้เข้ามาอยู่ในตำแหน่งสำคัญ รวมไปถึงหน้าที่ในแนวหน้า หรือ Front Line เช่น การสร้างนักบินขับไล่หญิง
ทั้งนี้ ขั้นตอนในการผลิตนักบินขับไล่หญิง อยู่ระหว่างให้ฝ่ายยุทธการวางแผน แต่ในความเป็นจริงกองทัพอากาศมีนักบินหญิงอยู่แล้ว โดยทำการบินกับเครื่องบินลำเลียง
ส่วนเครื่องบินขับไล่ถือเป็นเครื่องบินที่มีความท้าทาย โดยส่วนตัวมีเพื่อนเป็นนักบินขับไล่หญิงต่างประเทศหลายคน เช่น กรณีนักบินขับไล่ F-35 ของสหรัฐฯ ที่มาทำการบินในประเทศไทย ก็เป็นนักบินหญิง ดังนั้นจึงไม่ควรปิดโอกาสคนที่มีความสามารถ เพราะกองทัพอากาศมีคนเก่งอีกมาก
ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยังย้ำถึงการพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ ว่า กองทัพอากาศได้จัดทำคู่มือเกี่ยวกับระบบอากาศยานไร้คนขับไว้แล้ว หากภารกิจที่สามารถใช้ระบบอากาศยานไร้คนขับได้ เช่น การลาดตระเวน, ภารกิจที่เสี่ยงอันตราย ก็จะนำระบบอากาศยานไร้คนขับมาใช้ แต่ระบบที่ใช้มนุษย์ก็ยังมีความจำเป็น เพราะในหลายภารกิจมีความซับซ้อน ต้องใช้ดุลยพินิจของมนุษย์
ส่วนแผนการจัดซื้อระบบ Drone และ Anti Drone ในงบประมาณปี 2569 นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาศูนย์ต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ โดยมองว่าหากถูกโจมตีด้วยโดรนเป็น100 ลำ แม้จะมีอาวุธที่ดีเพียงใดอาจไม่สามารถต้านทานได้ จึงต้องมีระบบที่ดีในการหยุดยั้งโดรน ซึ่งทุกเหล่าทัพตระหนักถึงเรื่องนี้ จึงต้องพัฒนาขีดความสามารถร่วมกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยศูนย์ดังกล่าวรับผิดชอบโดยกองทัพอากาศ
สำหรับแนวทางการทบทวนสมุดปกขาวกองทัพอากาศ เพื่อรองรับสถานการณ์หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชาที่ผ่านมา ผู้บัญชาการทหารอากาศ ย้ำว่า ให้ฝ่ายยุทธการไปทบทวน เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากบทเรียนที่เกิดขึ้นมีหลายเรื่อง จึงต้องจัดลำดับความเร่งด่วนและความสำคัญกันใหม่
ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยังระบุถึงมติสภากลาโหมที่ให้เหล่าทัพไปจัดหาอาวุธเชิงรุก ว่า ขีดความสามารถของกองทัพอากาศในปัจจุบันถือว่าเป็นระบบอาวุธเชิงรุกอยู่แล้ว แต่การปฏิบัติภารกิจต้องคำนึงถึงหลายระดับ ทางด้านยุทธศาสตร์และนโยบาย รวมถึงการสั่งการของรัฐบาล ที่จะต้องนำมาย้ำให้กับผู้บังคับบัญชาในทุกระดับชั้น
ทั้งนี้ กองทัพอากาศให้ความสำคัญกับพันธกรณีของสหประชาชาติ ซึ่งการตอบโต้ต้องคำนึงถึงหลักการเหล่านี้ เพราะไทยเป็นประเทศที่ยึดในความถูกต้อง ไม่ทำร้ายใครก่อน เน้นการตอบโต้ตามสัดส่วน และไม่ทำร้ายพลเรือน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการ
ขอให้ทุกคนมั่นใจว่ากองทัพอากาศและกองทัพไทยจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการรุกล้ำอธิปไตย ป้องกันเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของประเทศ เพราะบรรพบุรุษสร้างประเทศไทยมา 800 กว่าปีจนมาถึงวันนี้
อ่านข่าว : "อนุทิน" นำถก สมช. จับตา ทบ.เสนอแผนผลักดันชาวกัมพูชา
แท็กที่เกี่ยวข้อง: