ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สรท.ชงรัฐบาล 7 ข้อ เร่งแก้เงินบาทห่วงซ้ำเติมกำลังซื้อ

เศรษฐกิจ
13:36
94
สรท.ชงรัฐบาล 7 ข้อ เร่งแก้เงินบาทห่วงซ้ำเติมกำลังซื้อ
อ่านให้ฟัง
06:40อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สรท. ห่วงค่าเงินบาทซ้ำเติมกำลังซื้อชะลอตัว เสนอ 7ข้อเสนอแนะ วอนรัฐบาลพิจารณารอบด้าน (ร่าง) พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน เปิดทางผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมพิจารณา เพื่อสะท้อนความเห็นและมุมมองต่อการปรับปรุงกฎหมายให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน

วันนี้ ( 10 ต.ค.2568) นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธาน สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) วิเคราะห์สถานการณ์การส่งออกไทยว่า สรท. ยังเชื่อมั่นว่าส่งออกปี 2568 จะเติบโตระหว่าง 3-5% เป็นผลจากการเติบโตอย่างมากช่วงไตรมาส 1-2 ที่ผ่านมา และเริ่มชะลอตัวในไตรมาส3-4 แต่ทั้งนี้ภาพรวมของส่งออกไทยยังเติบโต โดยสรท. เฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงและความผันผวนที่สำคัญซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะที่เหลือของปี 2568 และปี 2569

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเช่น มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ (Reciprocal Tariff) เริ่มส่งผลให้เกิดความผันผวนในระบบเศรษฐกิจทั่วโลก และสะท้อนความเปราะบางของการค้าโลกในระยะต่อจากนี้ไป รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าสูงกว่าประเทศคู่ค้าและคู่แข่งอื่นในภูมิภาค ซึ่งแม้จะเกิดจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีปัจจัยอื่นเป็นตัวเร่งเพิ่มเติม และมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกอย่างยิ่ง ข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการรายย่อย

โดยเฉพาะการขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน ส่งผลให้ขาดเงินทุนสำหรับการขยายตัวทางธุรกิจ และรวมถึงทำให้การหาตลาดใหม่ชดเชยตลาดเก่าทำได้ในวงจำกัด การขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับการผลิตเพื่อส่งออก ซึ่งสืบเนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงข้อจำกัดในการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับการผลิตเพื่อ และปัญหาการสวมสิทธิเพื่อ Re-export สินค้าไม่มีคุณภาพหรือไม่มีมาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์สินค้าไทยในภาพรวม
ประธานสรท.กล่าวอีกว่า สรท.มีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลใหม่ 7 ข้อ เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐ เร่งดำเนินการ ประกอบด้วย 1.กำกับดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ และสอดคล้องกับทิศทางค่าเงินของภูมิภาค และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถป้องกันความเสี่ยงค่าเงินบาทด้วยต้นทุนที่เหมาะสม

2.ดูแลและเร่งปรับลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน ต้นทุนพลังงาน รวมถึงชะลอการออกกฎหมายหรือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการประกอบธุรกิจ เช่นทบทวน (ร่าง) พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ...

ขอให้มีผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมในการพิจารณาร่างกฎหมาย เพื่อสะท้อนความเห็นและมุมมองต่อการปรับปรุงกฎหมายให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน รวมถึงการกำหนดกลไกช่วยเหลือนายจ้างที่ไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้า ซึ่งจะกระทบกับภาคประชาชนในภาพรวม และ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขอให้เป็นไปตามกลไกคณะกรรมการไตรภาคี หรือคณะกรรมการค่าจ้าง

3.เร่งรัดการพิจารณาอนุมัติและเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงเพิ่มวงเงินงบประมาณสำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และเร่งรัดขยายการเจรจาความตกลง FTA ให้ครอบคลุมประเทศคู่ค้าสำคัญ
4.เร่งแก้ไขปัญหาโลจิสติกส์การค้า โดยเฉพาะปัญหาความแออัดท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นรูปธรรมและกำหนดแนวทางดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอของภาคเอกชน

5.เพิ่มความเข้มงวดและกำกับดูแลมาตรฐานราคา ภาษีสินค้านำเข้า ทั้งในรูปของการค้าปกติและการค้าในรูปแบบออนไลน์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยของผู้บริโภคและให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมกับผู้ประกอบการในประเทศ
6.เพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบการสวมสิทธิ์สินค้าไทยในการส่งออกไปยังประเทศที่ 3

7.สานต่อนโยบายที่ดีและมุ่งเน้นสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการงบประมาณ เพื่อให้สามารถใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าต่อประเทศมากที่สุด ด้วยการยกระดับรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Government) และ ออกกฎหมายสำหรับกระบวนการทำงานใหม่ในระบบดิจิทัล เพื่อต่อต้านการคอร์รัปชั่น

สำหรับการส่งออก 8 เดือน(ม.ค.-ส.ค.)เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 223,175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 13.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 7,396,314 ล้านบาท ขยายตัว 4.7% (หักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว ที่13.3%)

ขณะที่ การนำเข้ามีมูลค่า 224,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 11.3% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทย 8 เดือน ขาดดุลเท่ากับ 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นการขาดดุลในรูปเงินบาท 148,580 ล้านบาท

อ่านข่าว:

 บิ๊กเอกชน จี้รัฐเร่งแก้ 'บาทแข็ง' หวั่นกระทบเศรษฐกิจปีหน้า

ความหวังรัฐบาลใหม่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งรอบ 8 เดือน

หอการค้าฯปรับเป้าGDPเพิ่ม 2% ชี้เศรษฐกิจไทยเริ่มกระเตื้อง -ส่งออกโตเกินคาด