เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2568 ทางการสหรัฐฯ ตั้งข้อหา เฉิน จื้อ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวจีน วัย 37 ปี ผู้ถือสัญชาติกัมพูชา ผู้ก่อตั้ง Prince Group (Prince Holding Group) ในข้อหาดำเนินการค่ายบังคับใช้แรงงานในกัมพูชา โดยใช้คนงานที่ถูกค้ามนุษย์ฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล กวาดทรัพย์สินเหยื่อรวมหลายพันล้านดอลลาร์
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า เฉิน จื้อ หรือที่รู้จักในนาม "วินเซนต์" เป็นหน้าฉากขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย พร้อมยื่นคำร้องริบทรัพย์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นบิตคอยน์ (Bitcoin) ประมาณ 127,271 เหรียญ หรือมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามราคาปัจจุบัน
ในวันเดียวกัน ทางการอังกฤษได้อายัดอสังหาริมทรัพย์ 19 แห่งในลอนดอน มูลค่ากว่า 100 ล้านปอนด์ ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายของเฉิน จื้อ รวมถึงคฤหาสน์ในนอร์ทลอนดอนมูลค่า 12 ล้านปอนด์ พร้อมยึดทรัพย์ของผู้ร่วมขบวนการอีกคน ชิว เว่ย เหริน ชาวจีนที่ถือสัญชาติเดียวกันด้วย
เฉิน ถูกกล่าวหาว่าชักใยการดำเนินงานสถานที่บังคับใช้แรงงานหรือฐานปฏิบัติการสแกมเมอร์ทั่วกัมพูชา ซึ่งมีคนงานที่ถูกค้ามนุษย์หลายร้อยคนถูกกักขังในสิ่งปลูกสร้างที่คล้ายเรือนจำ ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและลวดหนาม ฐานเหล่านี้โฆษณาตำแหน่งงานปลอมเพื่อล่อลวงพลเมืองต่างชาติไปยังอาคารหรือศูนย์ปฏิบัติการที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ และถูกบังคับให้ฉ้อโกงออนไลน์ หากไม่ทำจะถูกทรมาน
เกาหลีใต้เตรียมส่งทีมช่วยพลเรือนถูกหลอกในกัมพูชา
ขณะที่จากกรณีอาชญากรรมที่พุ่งเป้าชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา หลังเกิดเหตุนักศึกษาเกาหลีใต้วัย 22 ปี ถูกลักพาตัวและทรมานจนเสียชีวิตเมื่อเดือน ส.ค. ล่าสุด อี แจ-มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เตรียมส่งทีมปฏิบัติการร่วมไปยังกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือและจัดการปัญหา
นักศึกษาคนนี้เดินทางไปร่วมนิทรรศการจัดหางานที่กัมพูชาในช่วงกลางเดือน ก.ค. ก่อนถูกพบเสียชีวิตใกล้กับภูเขาโบกอร์ ใน จ.กัมปอต เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ผลชันสูตรเบื้องต้นจากทางการกัมพูชา ชี้ว่าเสียชีวิตจากภาวะหัวใจวายหลังถูกทรมานอย่างรุนแรง แต่คดีนี้คืบหน้าล่าช้าและร่างผู้เสียชีวิตยังไม่ถูกส่งกลับประเทศ แม้เวลาจะผ่านมากว่า 2 เดือน
ท่ามกลางความยากลำบากในการเข้าถึงข้อมูลการชันสูตรพลิกศพและข้อมูลทางคดี รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้เรียกตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าไปประท้วงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อเรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อจัดการกับปัญหาการหลอกทำงานและการควบคุมตัวชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา
สำนักข่าวบอนฮับ รายงานตามข้อมูลทางการชี้ว่าอาชญากรรมเกิดกับชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 81 คดีในปี 2022 เป็น 134 คดีในปี 2023 และ 348 คดีในปี 2024 โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกของปีนี้ 2025 พบแล้วกว่า 303 คดี

ขณะที่ปัญหาลักพาตัว ทางพรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้ เก็บสถิติจากทางการ พบว่า การแจ้งเหตุชาวเกาหลีใต้ถูกลักพาตัวในกัมพูชาเพิ่มสูงขึ้นจาก 2 คดี ในปี 2021 เป็นมากกว่า 220 คดี ในปี 2024 ขณะที่ตัวเลขในปีนี้ จนถึงสิ้นเดือน ส.ค. พบว่า มีการแจ้งเหตุเข้ามามากกว่า 330 คดี ซึ่งล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ระบุว่า มีประมาณ 80 คน ที่ขณะนี้ทางการยังไม่รู้ชะตากรรม
จากปัญหาเหล่านี้สำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ผู้นำเกาหลีใต้ประชุมคณะรัฐมนตรีและสั่งการกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้ทุ่มสรรพกำลังและทรัพยากรทั้งหมดเพื่อช่วยชาวเกาหลีใต้ที่ถูกลักพาตัวในกัมพูชาให้ได้กลับบ้าน
เกาหลีใต้และกัมพูชาตกลงจัดตั้งคณะทำงานร่วมที่ประกอบด้วยหน่วยงานสืบสวนของทั้งสองประเทศเพื่อจัดการปัญหาการฉ้อโกง โดยตัวเลขทางการเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2025 ระบุว่า มีชาวเกาหลีใต้ 63 คน ที่อยู่ระหว่างการถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่กัมพูชา
รัฐบาลเกาหลีใต้จึงพิจารณายกระดับคำแนะนำการเดินทางสำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงในกัมพูชา เบื้องต้นยกระดับคำเตือนการเดินทางไปยังกรุงพนมเปญและอีกหลายเมืองที่อยู่ในจุดเสี่ยงพบศูนย์สแกมเมอร์พร้อมเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานทูตเกาหลีใต้

ปัจจุบันสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ที่พนมเปญมีเจ้าหน้าที่หนึ่งคนและผู้ช่วยสองคนซึ่งอาจต้องเพิ่มบุคลากร แต่ต่อไปจะเดินหน้าตั้ง Korean Desk ภายในสำนักงานตำรวจกัมพูชาเพื่อดูแลชาวเกาหลี แต่กัมพูชายังไม่ได้ตอบกลับคำขอนี้ นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวที่พูดถึงการพิจารณาส่งทหารเกาหลีใต้เข้าไปจัดการรวมถึงความเป็นไปได้
ปัจจุบันกัมพูชาถูกยกให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหลอกลวงออนไลน์โลก รายงานของ Amnesty International เมื่อเดือน มิ.ย. ระบุว่า ชี้ว่า สามารถระบุตำแหน่งศูนย์หลอกลวงออนไลน์ได้อย่างน้อย 53 แห่ง ในหลายจังหวัดทั่วกัมพูชา ซึ่งอยู่ใน "สีหนุวิลล์" มากที่สุดถึง 22 แห่ง ตามมาด้วยใน "บาเวต" 6 แห่ง และ "ปอยเปต" 5 แห่ง โดยส่วนใหญ่จะพบตามเมืองตะเข็บชายแดน
ข้อมูลที่สอดคล้องกับรายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ก่อนหน้านี้ คือ ขณะนี้พบศูนย์สแกมเมอร์ขยายตัวเข้าไปอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ที่อยู่ไกลจากพรมแดนด้วย อย่างในกรุงพนมเปญ ตามรายงานของ Amnesty พบถึง 4 แห่ง
อ่านข่าว : ทภ.2 เลื่อนคุย RBC ไม่มีกำหนด หลัง "กัมพูชา" ไม่เสนอแผนเก็บกู้ทุ่นระเบิด