ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ผู้นำเกาหลีใต้" สั่งระดมช่วยพลเรือนถูกหลอก-ลักพาตัวในกัมพูชา

ต่างประเทศ
19:54
414
"ผู้นำเกาหลีใต้" สั่งระดมช่วยพลเรือนถูกหลอก-ลักพาตัวในกัมพูชา
ผู้นำเกาหลีใต้สั่งระดมกำลังช่วยชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา หลังมีพลเรือนตกเป็นเหยื่อหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งปัญหานี้กลายเป็นประเด็นใหญ่ในเกาหลีใต้และมีเสียงสนับสนุนให้รัฐบาลเพิ่มแรงกดดันถึงขั้นเสนอใช้กำลังทหาร

การหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชา กำลังกลายเป็นชนวนเหตุที่ทำให้กัมพูชาถูกรัฐบาลเกาหลีใต้กดดันอย่างหนัก หลังจากมีนักศึกษาเกาหลีใต้ถูกลักพาตัวและถูกทรมานจนเสียชีวิต ก่อนจะถูกนำไปทิ้งตั้งแต่เดือน ส.ค.2568 แต่คดีกลับไม่คืบหน้า

ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ข่าวการเสียชีวิตของนักศึกษาเกาหลีใต้ในกัมพูชา ไปจนถึงข่าวอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ การลักพาตัวและการหลอกไปทำงานที่กัมพูชา กลายเป็นข่าวหน้า 1 ของสื่อเกาหลีใต้แทบทุกสำนัก ท่ามกลางความกังวลถึงความปลอดภัยและกระแสความไม่พอใจต่อความล่าช้าของรัฐบาลเกาหลีใต้ ในการจัดการกับปัญหาเหล่านี้

สถานการณ์สุกงอมจนถึงขั้นที่ทำให้ อี แจ-มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ต้องออกมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรีที่กรุงโซล ในวันที่ 14 ต.ค. ว่า รัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขปัญหา โดยขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มี เพื่อช่วยเหลือชาวเกาหลีใต้ที่ถูกหลอกไปทำงานและถูกลักพาตัวในกัมพูชาให้ได้กลับบ้าน

ในสายตาของเกาหลีใต้ ปัญหานี้รุนแรงแค่ไหน ?

Yonhap สื่อเกาหลีใต้ รายงานอ้างตัวเลขทางการ ซึ่งพบว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีชาวเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมในกัมพูชาเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 81 คดีในปี 2565 เป็น 348 คดีเมื่อปี 2567 และเพียง 6 เดือนแรกของปี 2568 ตัวเลขพุ่งสูงทะลุ 300 คดี

หากดูเฉพาะเรื่องการลักพาตัว อ้างอิงข้อมูลจากพรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้ ซึ่งเก็บสถิติจากทางการ พบว่ามีการแจ้งเหตุชาวเกาหลีใต้ถูกลักพาตัวในกัมพูชาเพิ่มสูงขึ้น จาก 2 คดีในปี 2564 เป็นมากกว่า 220 คดีในปี 2567

ขณะที่ตัวเลขในปี 2568 จนถึงสิ้นเดือน ส.ค. พบว่ามีการแจ้งเหตุเข้ามามากกว่า 330 คดี ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ระบุว่ามีประมาณ 80 คนที่ขณะนี้ทางการยังไม่รู้ชะตากรรม

คดีที่เป็นข่าวใหญ่ที่สุดและเป็นชนวนเหตุให้สังคมเกาหลีใต้ออกมากดดันรัฐบาลให้ใช้มาตรการแข็งกร้าวกับกัมพูชา คือคดีของนักศึกษาเกาหลีใต้วัย 22 ปี ที่เดินทางไปร่วมนิทรรศการจัดหางานที่กัมพูชาในช่วงกลางเดือน ก.ค. ก่อนถูกพบเป็นศพใกล้กับภูเขาโบกอร์ จ.กัมปอต เมื่อวันที่ 8 ส.ค.

ผลการชันสูตรเบื้องต้นจากทางการกัมพูชา ชี้ว่านักศึกษาคนดังกล่าวเสียชีวิตจากภาวะหัวใจวาย หลังถูกทรมานอย่างรุนแรง แต่ปัญหาคือคดีนี้คืบหน้าล่าช้าอย่างมาก และร่างของผู้เสียชีวิตยังไม่ถูกส่งกลับบ้าน แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 2 เดือน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลี ยอมรับว่าความร่วมมือระหว่างตำรวจ 2 ประเทศไม่ค่อยราบรื่น โดยเกาหลีใต้ขอให้กัมพูชาเร่งกระบวนการสืบสวน ชันสูตรพลิกศพและการเข้าถึงข้อมูลทางคดี แต่กัมพูชากลับระบุว่าการร้องขอต้องทำผ่านกระบวนการอย่างเป็นทางการ ซึ่งต้องใช้เวลาและผ่านหลายหน่วยงานกว่าที่การประสานงานจะเดินหน้าได้

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมารัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ออกโรงเรียกตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าไปประท้วง และแสดงความกังวลต่อปัญหาการหลอกทำงานและการควบคุมตัวชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา พร้อมทั้งเรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อจัดการกับปัญหาเหล่านี้

ปัจจุบัน กัมพูชาถูกยกให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหลอกลวงออนไลน์โลก โดยรายงานของ Amnesty International เมื่อเดือน มิ.ย. ชี้ว่า Amnesty สามารถระบุตำแหน่งศูนย์หลอกลวงออนไลน์ได้อย่างน้อย 53 แห่งในหลายจังหวัดทั่วกัมพูชา ซึ่งอยู่ใน "สีหนุวิลล์" มากที่สุดถึง 22 แห่ง ตามมาด้วยใน "บาเวต" 6 แห่งและ "ปอยเปต" 5 แห่ง โดยส่วนใหญ่จะพบตามเมืองตะเข็บชายแดน

จุดที่น่าสนใจและเป็นข้อมูลที่ตรงกับรายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ก่อนหน้านี้ คือขณะนี้พบศูนย์สแกมเมอร์ขยายตัวเข้าไปอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ที่อยู่ไกลจากพรมแดนอย่างในกรุงพนมเปญ ซึ่งตามรายงานของ Amnesty พบถึง 4 แห่ง

หลายฝ่ายจี้รัฐบาลเกาหลีใต้เพิ่มแรงกดดันกัมพูชา

ขณะนี้ทางการเกาหลีใต้ยกระดับคำเตือนการเดินทางไปยังกรุงพนมเปญและอีกหลายเมืองที่อยู่ในจุดเสี่ยงพบศูนย์สแกมเมอร์ ขณะที่คณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศและการรวมชาติของสภาเกาหลีใต้ วางแผนเตรียมจัดประชุมที่สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ที่กรุงพนมเปญในสัปดาห์หน้า เพื่อประเมินสถานการณ์เรื่องการหลอกทำงานและปัญหาอาชญากรรมอื่นๆ ที่ชาวเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่อ

ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้ เตรียมหารือกับตำรวจกัมพูชาเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและวางแผนเยือนกัมพูชาเพื่อดูสถานการณ์ในพื้นที่ รวมทั้งยกระดับการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ซึ่งในท้ายที่สุดอาจจะดึงองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) เข้าร่วมทำภารกิจข้ามพรมแดนด้วย

ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้อยู่ระหว่างการหารือกับกัมพูชาในการเพิ่มจำนวนตำรวจที่สถานทูตเกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่เพียง 1 คนและผู้ช่วยอีก 2 คนเท่านั้น รวมทั้งยังขอให้มีการตั้งเจ้าหน้าที่โต๊ะเกาหลี ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เพื่อให้มีทีมเจ้าหน้าที่คอยดูแลคดีเกี่ยวกับชาวเกาหลีโดยเฉพาะ

แม้ว่าเกาหลีใต้จะไม่ใช่ประเทศเดียวที่มีพลเรือนถูกหลอกไปทำงานในกัมพูชา แต่เกาหลีใต้มีอิทธิพลต่อกัมพูชาในด้านต่างๆ ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยเกาหลีใต้ลงทุนในกัมพูชามากเป็นอันดับ 2 รองจากจีน ซึ่งเมื่อปี 2567 มีเม็ดเงินลงทุนสะพัด 8,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังสนับสนุนโครงการช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาในกัมพูชากว่า 400,000 ล้านวอน หรือมากกว่า 9,100 ล้านบาทในปี 2568 ทำให้หลายฝ่ายออกมาสนับสนุนให้รัฐบาลเพิ่มแรงกดดันไปยังกัมพูชา หรือถึงขั้นส่งทหารเข้าไปในพื้นที่

ความกังวลเรื่องปัญหาอาชญากรรมในกัมพูชาในหมู่คนเกาหลีใต้ นอกจากจะกระทบถึงความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจ ยังลามไปถึงภาคการท่องเที่ยว โดยข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ชี้ว่าช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 มีชาวเกาหลีใต้ไปเที่ยวที่กัมพูชาลดลงเกือบ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567

แม้จะดูไม่มาก แต่หากแยกเป็นรายเดือนและเทียบกับปี 2567 พบว่า ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ส.ค. มียอดนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ลดลงกว่า 15% บวกลบ ซึ่งตรงกับช่วงที่มีข่าวชาวเกาหลีใต้ถูกลักพาตัวเกิดขึ้นหลายคดีติดๆ กัน

ปัญหาการลักพาตัวไม่ได้กระทบแค่ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงความแตกแยกของการเมืองภายในของเกาหลีใต้ ซึ่งสองขั้วการเมืองต่างโบ้ยความผิดไปให้อีกฝ่าย โดยพรรคฝ่ายค้าน PPP ออกมาวิจารณ์รัฐบาลอี แจ-มยอง จากพรรค DP ว่ารับมือปัญหานี้ล่าช้าและไม่เพียงพอ ขณะที่พรรครัฐบาลชี้นิ้วไปที่รัฐบาลชุดก่อนของยุน ซอก-ยอล จากพรรค PPP

ภาพดาวเทียมชี้ศูนย์สแกมเมอร์กลับมาขยายตัวในเมียนมา

แม้ว่าขณะนี้ทั่วโลกจะจับตามองไปที่ปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชา หลังจากศูนย์กลางเดิมอย่างเมียนมาถูกปราบปรามอย่างหนัก แต่จากภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดชี้ว่าสถานการณ์ปัญหาในเมียนมาที่คิดว่าดีขึ้น อาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ซึ่งภาพถ่ายดาวเทียมที่เปรียบเทียบระหว่างเดือน มี.ค. และ ก.ย.ของปี 2568 ชี้ให้เห็นว่ามีอาคารผุดขึ้นใหม่หลายจุดทั่วเมืองเมียวดี และพบว่าอาคารหลายแห่งติดตั้งจานรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink ที่อีลอน มัสค์ เป็นเจ้าของ

ขณะที่ภาพจากโดรนที่ถ่ายเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงการคุ้มกันอย่างแน่นหนารอบพื้นที่ดังกล่าว โดยภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าธุรกิจนี้ยังไม่หายไปไหนและขยายตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งๆ ที่มีความพยายามกวาดล้างศูนย์หลอกลวงออนไลน์อย่างหนัก

อุตสาหกรรมหลอกลวงออนไลน์ สร้างเม็ดเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับขบวนการผิดกฎหมายในหลายประเทศ แม้จะมีความร่วมมือข้ามชาติเร่งปราบปรามให้เห็น แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะดูเหมือนยิ่งปราบมากเท่าไรก็ยิ่งผุดเพิ่มขึ้นอีกมากเท่านั้น

อ่านข่าว

ผ่าอาณาจักร Call center- Scammer ศูนย์กลาง “เขมร-เมียนมา”

"ทรัมป์-ผู้นำโลก" ร่วมลงนามใน "ข้อตกลงหยุดยิงกาซา"

ฮามาสปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล ชุดแรกส่งมอบให้กาชาดแล้ว 7 คน