ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"พท." จี้รัฐบาลใช้มาตรการเชิงรุก ปราบ "สแกมเมอร์-ฟอกเงิน-อาชญากรรมข้ามชาติ"

การเมือง
14:50
71
"พท." จี้รัฐบาลใช้มาตรการเชิงรุก ปราบ "สแกมเมอร์-ฟอกเงิน-อาชญากรรมข้ามชาติ"
อ่านให้ฟัง
08:07อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"เพื่อไทย” ออกแถลงการณ์ 7 มาตรการเชิงรุก ปราบสแกมเมอร์-ฟอกเงิน-อาชญากรรมข้ามชาติ ยกความสำเร็จยุค “รัฐบาลแพทองธาร“ ย้ำ ”รัฐบาลอนุทิน“ ต้องเอาผลประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่หวังคะแนนนิยม

วันนี้ (16 ต.ค.2568) พรรคเพื่อไทย นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรองนายกฯและ รมว.ดีอี ,นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส. เชียงใหม่ ,นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.กทม. ,นายสยาม หัตถสงเคราะห์ สส. หนองบัวลำภู และน.ส. ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ร่วมกันแถลงข่าวเรื่อง แถลงการณ์พรรคเพื่อไทยกรณีข้อเสนอมาตรการเชิงรุกในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือ สแกมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการฟอกเงิน หรืออาชญากรรมข้ามชาติ

หยิบยกว่าปัญหานี้เคยได้รับการแก้ไขจนเป็นผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในรัฐบาลชุดที่แล้ว และยังคงกลับมาเป็นปัญหาอีกครั้งหนึ่ง เป็นประเด็นใหญ่ระดับโลก จากที่สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และเกาหลีใต้ กดดันในการเดินหน้าปราบปราม สแกมเมอร์กัมพูชา อย่างจริงจัง จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ยกระดับมาตรการปราบปรามในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรม

1.ดำเนินมาตรการ 3 ตัด ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต และตัดการขนส่งน้ำมัน เพื่อสกัดกั้นสแกมเมอร์ตามแนวชายแดน ยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศที่เคยดำเนินการและประสบความสำเร็จไปแล้วกรณี "ไทย-จีน-เมียนมา" ในสมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร

2.ให้เข้มงวดการปิดเส้นทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันหลอกลวงนำคนไทยเข้าไปในกัมพูชา และป้องกันการลักลอบหนีกลับประเทศไทยที่ผิดกฎหมาย

3.เร่งสานงานต่อรัฐบาลชุดก่อนและเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศที่เกี่ยวข้องในการตั้งศูนย์บริหารเหตุการณ์ การบริหารจัดการทำงานร่วมกัน ในการปราบปรามกระบวนการคอลเซนเตอร์และการค้ามนุษย์นานาชาติ รวมความร่วมมือกับนานาชาติในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติอย่างเป็นรูปธรรม และการช่วยเหลือเหยื่อ

4.ขอให้มีการเจรจากดดันให้กัมพูชายอมรับเงื่อนไขในข้อที่ 3 คือ การร่วมปราบปรามอาชญากรรมสแกมเมอร์ ตามมติ สมช.4 ข้อ ในรัฐบาลก่อน ที่เสนอในการลงนาม (Peace Agreement) ที่ลงนามที่ประเทศมาเลเซีย

5.ให้รัฐบาลจริงจังในการปราบปรามบัญชีม้าและซิมที่ผูกกับโมบายแบงค์กิ้งที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยันว่า มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซนเตอร์ และเว็บไซต์ผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลชุดก่อนได้ใช้มาตรการนี้ระงับบัญชีมากกว่า 500,000 บัญชี ป้องกันความสูญเสียได้วงเงินไม่น้อยกว่า 20,000ล้านบาท

6.ควรจัดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ กรรมการชุดนี้ตั้งตาม พ.ร.ก.ในกฏหมายเดิมที่มีอยู่ ตาม พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีปี 2566 และให้เร่งออกกฏหมายลำดับรอง ให้สอดคล้องกับ พ.ร.ก.ที่ออกมาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

7. ให้รัฐบาลใช้ศูนย์ AOC 1441 ของ ปอท. เพื่อเป็นวันสต็อปเซอร์วิสในการช่วยเหลือประชาชนที่ถูกขบวนการคอลเซนเตอร์หลอกลวง ในการร้องทุกข์ระงับทุรกรรมการเงินและการประสานงานกับธนาคาร และตำรวจไซเบอร์ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลนายอนุทิน เอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้งในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา แบบหวังผลจริงด้วยการเดินหน้ามาตรการปราบปรามขบวนการคอลเซนเตอร์อย่างจริงจัง ให้เป็นยุทธศาสตร์ในการกดดันกัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างถูกต้อง ไม่ได้เพียงทำงานตามกระแสเพื่อหวังคะแนนนิยม และผลทางการเมืองเท่านั้น

นายประเสริฐ กล่าวถึงการตั้งซูเปอร์บอร์ดของรัฐบาลนายอนุทิน ในการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ว่า เป็นการตั้งคณะทำงานตามนโยบายเท่านั้น แต่คณะขับเคลื่อนนโยบายจำเป็นต้อง คือคณะกรรมการตามพระราชกำหนดที่ได้แถลงไป

นายประเสริฐยังกล่าวถึงท่าทีรัฐบาลปัจจุบันที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า นิ่งเฉยในการปราบปรามขบวนการคอลเซนเตอร์ว่า รัฐบาลควรมีความชัดเจนในเรื่องนี้ จะโยนความรับผิดชอบให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ นายกฯต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ และรู้สึกว่าที่ผ่านมานายกฯพยายามที่จะบ่ายเบี่ยงในการตอบปัญหาอย่างจริงจัง

พรรคเพื่อไทยจึงเสนอมาตรการให้รัฐบาลได้พิจารณาดำเนินการเนื่องจากนานาชาติกำลังกดดันและเป็นโอกาสที่รัฐบาลไทยจะได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจน ในการดำเนินการร่วมมือกับนานาชาติในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ เกาหลีใต้ หวังรัฐบาลไทยดำเนินการเรื่องนี้โดยเร่งด่วน ส่วนกรณี การดำเนินการกับ นายเบน สมิธ นั้น นายประเสริฐชี้ว่า อะไรเป็นเรื่องผิดกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้เลย รัฐบาลต้องตรวจสอบ

นายประเสริฐ ยังกล่าวถึงกรณีการเสนอผลประโยชน์ 40 ล้านบาทแลกกับการไม่ปราบปรามขบวนการคอลเซนเตอร์ตามที่นายไชยชนก ชิดชอบ ได้ชี้แจงให้ข้อมูลต่อที่ประชุมรัฐสภาในการแถลงนโยบายว่า ในฐานะที่เป็น อดีต รมว.ดิจิทัลฯ ไม่เคยมีใครมาพูดเรื่องนี้ แต่รัฐมนตรีคนใหม่ยังไม่ทันดำรงตำแหน่งก็มีคนเสนอเรื่องนี้แล้ว

เพราะฉะนั้นท่านบอกว่า จะปราบเรื่องนี้อย่างจริงจังและขอเวลา 30 วัน จริง ๆ แล้ว ไม่ควรใช้เวลาถึง 30 วัน เพราะเรื่องนี้ท่านทราบดีอยู่ว่า ใครเป็นคนให้ข้อมูลท่าน ซึ่งก็คือ สส.พรรคภูมิใจไทย 2 ท่าน แล้วก็มีผู้ช่วย สส.อีก 1 ท่าน เรื่องนี้ต้นตอหาไม่ยาก สิ่งที่ท่านรับปากคือหาผู้กระทำผิดให้ได้ภายใน 30 วัน ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องยาก วันนี้มาทวงถามหรือว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ถึง 30 วัน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรเพราะเป็นคนใกล้ตัวท่านทั้งสิ้น สามารถเรียกให้การและดำเนินคดีหาตัวผู้กระทำผิดได้เลย

พร้อมกันนี้นายประเสริฐกล่าวว่า ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีฯ ไม่เคยรับรู้หรือรับทราบข้อมูลของนายเบธ สมิธ เลย จากที่ได้รับรายงาน ก่อนจะว่า เรื่องนี้ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย และยืนยันว่า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอยู่แล้ว และหากมีข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์ก็สามารถเปิดเผยได้หลังจากที่นายรังสิมันต์ โรม ได้อภิปรายว่ามีข้อมูลนายเบน สมิธ มานานแล้ว

อ่านข่าว : "ชุติพงศ์" ถาม "อนุทิน" เกรงใจใคร กรณีปราบสแกมเมอร์ 

สหรัฐฯ ตั้งข้อหา "เฉิน จื้อ" ชักใยฐานสแกมเมอร์ในกัมพูชา 

คณะทำงานพิเศษเกาหลีใต้ถึงกัมพูชา สางปัญหาแก๊งสแกมเมอร์หลอกลวงชาวเกาหลีใต้