วันนี้ (16 ต.ค.2568) พรรคเพื่อไทย นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรองนายกฯและ รมว.ดีอี ,นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส. เชียงใหม่ ,นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.กทม. ,นายสยาม หัตถสงเคราะห์ สส. หนองบัวลำภู และน.ส. ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ร่วมกันแถลงข่าวเรื่อง แถลงการณ์พรรคเพื่อไทยกรณีข้อเสนอมาตรการเชิงรุกในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือ สแกมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการฟอกเงิน หรืออาชญากรรมข้ามชาติ
หยิบยกว่าปัญหานี้เคยได้รับการแก้ไขจนเป็นผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในรัฐบาลชุดที่แล้ว และยังคงกลับมาเป็นปัญหาอีกครั้งหนึ่ง เป็นประเด็นใหญ่ระดับโลก จากที่สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และเกาหลีใต้ กดดันในการเดินหน้าปราบปราม สแกมเมอร์กัมพูชา อย่างจริงจัง จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ยกระดับมาตรการปราบปรามในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรม
1.ดำเนินมาตรการ 3 ตัด ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต และตัดการขนส่งน้ำมัน เพื่อสกัดกั้นสแกมเมอร์ตามแนวชายแดน ยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศที่เคยดำเนินการและประสบความสำเร็จไปแล้วกรณี "ไทย-จีน-เมียนมา" ในสมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร
2.ให้เข้มงวดการปิดเส้นทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันหลอกลวงนำคนไทยเข้าไปในกัมพูชา และป้องกันการลักลอบหนีกลับประเทศไทยที่ผิดกฎหมาย
3.เร่งสานงานต่อรัฐบาลชุดก่อนและเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศที่เกี่ยวข้องในการตั้งศูนย์บริหารเหตุการณ์ การบริหารจัดการทำงานร่วมกัน ในการปราบปรามกระบวนการคอลเซนเตอร์และการค้ามนุษย์นานาชาติ รวมความร่วมมือกับนานาชาติในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติอย่างเป็นรูปธรรม และการช่วยเหลือเหยื่อ
4.ขอให้มีการเจรจากดดันให้กัมพูชายอมรับเงื่อนไขในข้อที่ 3 คือ การร่วมปราบปรามอาชญากรรมสแกมเมอร์ ตามมติ สมช.4 ข้อ ในรัฐบาลก่อน ที่เสนอในการลงนาม (Peace Agreement) ที่ลงนามที่ประเทศมาเลเซีย
5.ให้รัฐบาลจริงจังในการปราบปรามบัญชีม้าและซิมที่ผูกกับโมบายแบงค์กิ้งที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยันว่า มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซนเตอร์ และเว็บไซต์ผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลชุดก่อนได้ใช้มาตรการนี้ระงับบัญชีมากกว่า 500,000 บัญชี ป้องกันความสูญเสียได้วงเงินไม่น้อยกว่า 20,000ล้านบาท
6.ควรจัดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ กรรมการชุดนี้ตั้งตาม พ.ร.ก.ในกฏหมายเดิมที่มีอยู่ ตาม พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีปี 2566 และให้เร่งออกกฏหมายลำดับรอง ให้สอดคล้องกับ พ.ร.ก.ที่ออกมาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

7. ให้รัฐบาลใช้ศูนย์ AOC 1441 ของ ปอท. เพื่อเป็นวันสต็อปเซอร์วิสในการช่วยเหลือประชาชนที่ถูกขบวนการคอลเซนเตอร์หลอกลวง ในการร้องทุกข์ระงับทุรกรรมการเงินและการประสานงานกับธนาคาร และตำรวจไซเบอร์ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลนายอนุทิน เอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้งในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา แบบหวังผลจริงด้วยการเดินหน้ามาตรการปราบปรามขบวนการคอลเซนเตอร์อย่างจริงจัง ให้เป็นยุทธศาสตร์ในการกดดันกัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างถูกต้อง ไม่ได้เพียงทำงานตามกระแสเพื่อหวังคะแนนนิยม และผลทางการเมืองเท่านั้น
นายประเสริฐ กล่าวถึงการตั้งซูเปอร์บอร์ดของรัฐบาลนายอนุทิน ในการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ว่า เป็นการตั้งคณะทำงานตามนโยบายเท่านั้น แต่คณะขับเคลื่อนนโยบายจำเป็นต้อง คือคณะกรรมการตามพระราชกำหนดที่ได้แถลงไป
นายประเสริฐยังกล่าวถึงท่าทีรัฐบาลปัจจุบันที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า นิ่งเฉยในการปราบปรามขบวนการคอลเซนเตอร์ว่า รัฐบาลควรมีความชัดเจนในเรื่องนี้ จะโยนความรับผิดชอบให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ นายกฯต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ และรู้สึกว่าที่ผ่านมานายกฯพยายามที่จะบ่ายเบี่ยงในการตอบปัญหาอย่างจริงจัง
พรรคเพื่อไทยจึงเสนอมาตรการให้รัฐบาลได้พิจารณาดำเนินการเนื่องจากนานาชาติกำลังกดดันและเป็นโอกาสที่รัฐบาลไทยจะได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจน ในการดำเนินการร่วมมือกับนานาชาติในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ เกาหลีใต้ หวังรัฐบาลไทยดำเนินการเรื่องนี้โดยเร่งด่วน ส่วนกรณี การดำเนินการกับ นายเบน สมิธ นั้น นายประเสริฐชี้ว่า อะไรเป็นเรื่องผิดกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้เลย รัฐบาลต้องตรวจสอบ

นายประเสริฐ ยังกล่าวถึงกรณีการเสนอผลประโยชน์ 40 ล้านบาทแลกกับการไม่ปราบปรามขบวนการคอลเซนเตอร์ตามที่นายไชยชนก ชิดชอบ ได้ชี้แจงให้ข้อมูลต่อที่ประชุมรัฐสภาในการแถลงนโยบายว่า ในฐานะที่เป็น อดีต รมว.ดิจิทัลฯ ไม่เคยมีใครมาพูดเรื่องนี้ แต่รัฐมนตรีคนใหม่ยังไม่ทันดำรงตำแหน่งก็มีคนเสนอเรื่องนี้แล้ว
เพราะฉะนั้นท่านบอกว่า จะปราบเรื่องนี้อย่างจริงจังและขอเวลา 30 วัน จริง ๆ แล้ว ไม่ควรใช้เวลาถึง 30 วัน เพราะเรื่องนี้ท่านทราบดีอยู่ว่า ใครเป็นคนให้ข้อมูลท่าน ซึ่งก็คือ สส.พรรคภูมิใจไทย 2 ท่าน แล้วก็มีผู้ช่วย สส.อีก 1 ท่าน เรื่องนี้ต้นตอหาไม่ยาก สิ่งที่ท่านรับปากคือหาผู้กระทำผิดให้ได้ภายใน 30 วัน ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องยาก วันนี้มาทวงถามหรือว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ถึง 30 วัน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรเพราะเป็นคนใกล้ตัวท่านทั้งสิ้น สามารถเรียกให้การและดำเนินคดีหาตัวผู้กระทำผิดได้เลย
พร้อมกันนี้นายประเสริฐกล่าวว่า ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีฯ ไม่เคยรับรู้หรือรับทราบข้อมูลของนายเบธ สมิธ เลย จากที่ได้รับรายงาน ก่อนจะว่า เรื่องนี้ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย และยืนยันว่า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอยู่แล้ว และหากมีข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์ก็สามารถเปิดเผยได้หลังจากที่นายรังสิมันต์ โรม ได้อภิปรายว่ามีข้อมูลนายเบน สมิธ มานานแล้ว
อ่านข่าว : "ชุติพงศ์" ถาม "อนุทิน" เกรงใจใคร กรณีปราบสแกมเมอร์
สหรัฐฯ ตั้งข้อหา "เฉิน จื้อ" ชักใยฐานสแกมเมอร์ในกัมพูชา
คณะทำงานพิเศษเกาหลีใต้ถึงกัมพูชา สางปัญหาแก๊งสแกมเมอร์หลอกลวงชาวเกาหลีใต้