วันนี้ (20 ต.ค.2568) พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บสมบัติล้ำค่าของมนุษยชาติ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2568 โดยกลุ่มคนร้ายบุกเข้าไปในอาคาร Galerie d'Apollon สถานที่จัดแสดงเครื่องประดับจากราชวงศ์และจักรวรรดิฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 ด้วยวิธีการที่รวดเร็วและรอบคอบ ผู้ก่อเหตุใช้เครื่องจักรไฮดรอลิกงัดตู้กระจก สามารถฉกเครื่องประดับ 9 ชิ้นไปได้ภายในเวลาไม่ถึง 7 นาที ก่อนหลบหนีทางออกฉุกเฉิน โดยไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อบุคคลอื่น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงครึ่งชั่วโมงหลังพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เปิดให้บริการในช่วงเช้า ซึ่งนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเข้ามา แต่ระบบรักษาความปลอดภัยถูกหลอกล่อให้ขัดข้องชั่วคราว กระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศสยืนยันรายการชิ้นส่วนที่สูญหายทันที โดยระบุว่าสมบัติเหล่านี้มีมูลค่าทางประวัติศาสตร์สูงยิ่ง ไม่สามารถประเมินเป็นตัวเงินได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากเชื่อมโยงกับจักรพรรดิโปเลียน โบนาปาร์ต ผู้ก่อตั้งจักรวรรดิฝรั่งเศสครั้งแรกในปี ค.ศ.1804 และนำพาประเทศสู่ยุคทองของการขยายอำนาจในยุโรป
ชิ้นส่วนหนึ่งคือ มงกุฎของจักรพรรดินีเออเจนี ถูกพบในสภาพเสียหายใกล้ทางออก คาดว่าผู้ก่อเหตุทำหล่นระหว่างหลบหนี
เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยสืบสวนแห่งชาติฝรั่งเศสกำลังร่วมมือกับตำรวจสากล เพื่อติดตามผู้กระทำผิด โดยเชื่อว่าเป็นกลุ่มอาชญากรที่มีความรู้ด้านเครื่องประดับโบราณ
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ประกาศปิดห้อง Galerie d'Apollon ชั่วคราวเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย นักวิจารณ์ด้านวัฒนธรรมเตือนว่า นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนในการรักษามรดกฝรั่งเศส ซึ่งเครื่องประดับเหล่านี้เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ทางการเมือง ทั้งการสมรสทางการเมือง และศรัทธาส่วนพระองค์ของราชินีและจักรพรรดินีในสมัยนโปเลียน
เครื่องประดับที่สูญหายทั้ง 9 ชิ้น ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ โดยแต่ละชิ้นเชื่อมโยงกับบุคคลสำคัญในราชวงศ์ฝรั่งเศสและจักรวรรดิ ทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ต่อมรดกวัฒนธรรมโลก ดังนี้
1.เทียรา (มงกุฎเพชร) ของราชินีมารี-อาเมลี
จากเซ็ตเครื่องประดับของราชินีมารี-อาเมลี และ ราชินีฮอร์แต็งส์ เป็นส่วนหนึ่งของเซ็ตแซฟไฟร์คีลอนขนาดใหญ่ที่ประดับเพชร สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เดิมเป็นของราชินีฮอร์แต็งส์ เดอ โบอาร์นไนส์ ธิดาบุญธรรมของจักรพรรดิโปเลียน โบนาปาร์ต ผู้ซึ่งได้รับมรดกจากพระมารดาจักรพรรดินีโจเซฟีน และขายให้กับพระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปป์ ในปี ค.ศ. 1821 เพื่อมอบให้ราชินีมารี-อาเมลีใช้ในงานพระราชพิธี
เซ็ตนี้สะท้อนถึงความหรูหราของราชสำนักฝรั่งเศสหลังการปฏิวัติ โดยเทียราสามารถถอดประกอบได้ เพื่อใช้งานหลากหลาย และถูกพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ซื้อไว้ในปี ค.ศ.1985 ด้วยราคา 800,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้สาธารณชนชื่นชม เทียรานี้ไม่เพียงงดงามด้วยแซฟไฟร์สีน้ำเงินเข้มจากศรีลังกา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านอำนาจในราชวงศ์ออร์เลอองส์ ซึ่งราชินีมารี-อาเมลีทรงสวมในช่วงที่ฝรั่งเศสฟื้นตัวจากสงครามนโปเลียน จักรพรรดิโปเลียนผู้ซึ่งเคยใช้เครื่องประดับเหล่านี้เพื่อเสริมสร้างพันธมิตรทางการเมือง

ที่มา : Royal Watcher
ที่มา : Royal Watcher
2.สร้อยคอ ของราชินีมารี-อาเมลี
เป็นส่วนหนึ่งของเซ็ตแซฟไฟร์คีลอนเดียวกันกับเทียรา สร้างโดยช่างอัญมณีชาวฝรั่งเศสในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เดิมเป็นของราชินีฮอร์แต็งส์ที่ได้รับมรดกจากจักรพรรดินีโจเซฟีน พระชายาคนแรกของนโปเลียน และถูกขายให้ราชสำนักในปี ค.ศ. 1821 เพื่อใช้ในงานเลี้ยงรับรองราชวงศ์
สร้อยคอประดับแซฟไฟร์หลัก 9 เม็ดขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดเล็กนับร้อย สร้อยคอชิ้นนี้เคยถูกสวมโดยราชินีมารี-อาเมลีในช่วงที่พระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคงของราชวงศ์หลังการฟื้นฟูฝรั่งเศส และถูกเก็บรักษาในลูฟวร์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1985 เพื่อแสดงถึงมรดกของราชินี 2 พระองค์ที่เชื่อมโยงยุคนโปเลียนกับราชอาณาจักรจูเลียน
3.ต่างหูชิ้น 1 ข้าง ของราชินีมารี-อาเมลี
เป็นส่วนของเซ็ตเดียวกัน สร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1810-1820 โดยช่างอัญมณีฝรั่งเศส ต่างหูคู่นี้ประดับแซฟไฟร์เม็ดใหญ่เดี่ยว ล้อมเพชร และเคยเป็นของราชินีฮอร์แต็งส์ก่อนถูกขายให้ราชสำนักออร์เลอองส์ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากนโปเลียนในการออกแบบเครื่องประดับเพื่อแสดงอำนาจ
ต่างหูชิ้นนี้ถูกสวมในงานพิธีราชสำนัก โดยราชินีมารี-อาเมลีทรงใช้เพื่อแสดงฐานะ ถูกนำเข้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในปี ค.ศ.1985 ร่วมกับเซ็ตอื่น ๆ
4.สร้อยคอมรกต จากเซ็ตมารี-หลุยส์
จักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต มอบให้พระชายาคนที่ 2 มารี-หลุยส์แห่งออสเตรีย เป็นของขวัญพิธีเสกสมรสในปี ค.ศ.1810 เพื่อผูกมัดพันธมิตรกับราชวงศ์ฮับส์บวร์ก สร้างโดยช่างอัญมณี เอเตียน นิโตต์ สร้อยคอประดับมรกต 32 เม็ดจากโคลอมเบียและเพชร 1,138 เม็ด แสดงถึงความมั่งคั่งของจักรวรรดิฝรั่งเศสในช่วงรุ่งเรือง
สร้อยคอมรกตชิ้นนี้เคยถูกสวมโดยจักรพรรดินีมารี-หลุยส์ในงานเลี้ยงใหญ่ และถูกเก็บรักษาในลูฟวร์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เพื่อรำลึกถึงการสมรสที่นำความสันติภาพมาสู่ยุโรปชั่วคราวหลังสงครามนโปเลียน

ที่มา : Royal Watcher
ที่มา : Royal Watcher
5.คู่ต่างหูมรกตจากเซ็ตมารี-หลุยส์
เป็นส่วนหนึ่งของเซ็ตแต่งงานปี ค.ศ.1810 สร้างโดยนิโตต์ ต่างหูคู่นี้ประดับมรกตเม็ดใหญ่และเพชร ล้อมด้วยไข่มุก สะท้อนศิลปะนโปเลียนที่ผสมผสานความหรูหราแบบโบราณ โดยจักรพรรดินโปเลียนมอบให้เพื่อเฉลิมฉลองการเสกสมรสที่ช่วยให้ฝรั่งเศสหลีกเลี่ยงสงครามกับออสเตรีย ต่างหูคู่นี้ถูกสวมโดยจักรพรรดินีมารี-หลุยส์ในพิธีราชสำนัก และถูกนำเข้าคอลเลกชันลูฟวร์เพื่อแสดงถึงมรดกจักรวรรดิ
6.เข็มกลัดเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์
สร้างโดย อัลเฟรด บาปสต์ สำหรับจักรพรรดินีเออเจนี พระชายาของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ในปี ค.ศ.1855 เข็มกลัดเพชรนี้มีช่องสำหรับใส่เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ สะท้อนด้านศาสนาของพระองค์ในยุคจักรวรรดิที่ 2 ซึ่งนโปเลียนที่ 3 ใช้เครื่องประดับเพื่อฟื้นฟูเกียรติยศของราชวงศ์นโปเลียน เข็มกลัดชิ้นนี้ถูกสวมในงานพิธีทางศาสนา และถูกซื้อโดยลูฟวร์เพื่ออนุรักษ์มรดกของจักรพรรดินีผู้มีอิทธิพลต่อแฟชันและการเมือง

ที่มา : Royal Watcher
ที่มา : Royal Watcher
7.เทียราของจักรพรรดินีเออเจนี
เทียราประดับไข่มุก 212 เม็ดและเพชร 1,998 เม็ด สร้างโดยอเล็กซานเดร-กาเบรียล เลม็อนนีเยร์ ราวปี 1853 ตามคำสั่งของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 เพื่อฉลองพิธีเสกสมรสกับ จักรพรรดินีเออเจนี เดอ มอนติโฆ (ค.ศ.1826-1920) เคยเป็นของจักรพรรดินีมารี-หลุยส์ (พระชายาคนที่ 2 ของนโปเลียนที่ 1) และดัชเชสแห่งอังกูเล็ม จึงเป็นสมบัติรัฐไม่ใช่ของส่วนพระองค์
หลังนโปเลียนที่ 3 พ่ายแพ้ในปี 1870 และเออเจนีถูกเนรเทศ เทียราก็ถูกส่งคืนรัฐและอยู่ในคอลเลกชันมงกุฎราชวงศ์ จนถูกขายทั้งเซ็ตปี 1887 เจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 1 แห่งธูร์นและแท็กซิสซื้อเป็นของขวัญแต่งงานให้อัครดัชเชสมาร์เกรเธอ คลีเมนไทน์แห่งออสเตรียปี 1890 เทียราอยู่กับตระกูลนี้หนึ่งศตวรรษ ก่อนมอบให้เจ้าหญิงโกลเรีย ในปี 1989 เพื่อสวมในวันวิวาห์กับเจ้าชายโยฮันเนส แต่หลังสามีเสียชีวิตปี 1992 ทิ้งหนี้ก้อนโต โกลเรียขายเทียรานี้ในราคา 935,000 มาร์กเยอรมัน ซึ่งถูกซื้อโดยสมาคมเพื่อนลูฟวร์ เพื่อมอบให้พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในปารีส

ที่มา : Royal Watcher
ที่มา : Royal Watcher
8.เข็มกลัดเพชรโบว์ของจักรพรรดินีเออเจนี
สร้างโดยฟร็องซัวส์ คราเมอร์ ในปี ค.ศ.1855 เป็นเข็มกลัดโบว์เพชรขนาดใหญ่ เดิมเป็นส่วนกลางของเข็มขัดราชินี ประดับเพชรกว่า 4,000 เม็ด โดยจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 มอบให้เพื่อใช้ในงานนิทรรศการโลกที่ปารีส เข็มกลัดนี้ถูกสวมในงาน Exposition Universelle และถูกซื้อโดยลูฟวร์ในปี ค.ศ.2008 ด้วยราคา 6,720,000 ยูโร เพื่อรำลึกถึงความหรูหราของจักรพรรดินี

ที่มา : Napoleon.org
ที่มา : Napoleon.org
9.มงกุฎของจักรพรรดินีเออเจนี
"เพชรแห่งมงกุฎฝรั่งเศส" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อำนาจราชวงศ์ที่ไม่อาจโอนย้าย รอดพ้นตลอดประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสตั้งแต่พระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 สถาปนาในปี 1530 จนถึงจักรวรรดิที่ 2 โดยนโปเลียนที่ 3 ใช้เพชรเหล่านี้สร้างมงกุฎจักรพรรดิ 2 ชิ้นผ่านช่างอัญมณี อเล็กซานเดร-กาเบรียล เลม็อนนีเยร์ มงกุฎแรกสร้างในปี 1853 แต่แทนที่ด้วยอันใหม่เรียบง่ายในปี 1855 และมงกุฎของจักรพรรดินีเออเจนีที่เล็กลงและเบากว่า
รูปแบบปีกอินทรีทองคำ 8 คู่สลับปาล์ม 8 ชิ้น ประดับเพชรตัดแบบบุริช 102 เม็ดจากสมบัติ เพิ่มเพชร 1,252 เม็ดและมรกต 56 เม็ดจากงบจักรวรรดิ มงกุฎเพชรถูกย้ายไปเบรสต์จนปี 1872 แล้วเข้าคลังกระทรวงการคลัง แสดงที่นิทรรศการ 1878 และลูฟวร์ปี 1884 ก่อนถูกขายปี 1887 แล้วประมูลปี 1988 ก่อนนายและนางโรเบร์โต โปโลบริจาคสู่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เพื่อรวมกับเครื่องประดับราชวงศ์ฝรั่งเศสชิ้นอื่น

ที่มา : Napoleon.org
ที่มา : Napoleon.org
ที่มา : The Practical Gemologist, CNN, Elle, Reuters, Royal watcher
อ่านข่าวอื่น :
เปิดสมบัติล้ำค่าที่ถูกปล้นจาก "พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์"
กรุงไทยยันลงทะเบียน "คนละครึ่งพลัส" แจ้งสถานะรอ 3 วันยังไม่หลุดคิว