พายุ "เฟิงเฉิน" ไม่เข้าไทย แต่ทำอีสานฝนตก-ใต้ตกหนักมาก 23-26 ต.ค.
วันนี้ (21 ต.ค.2568) กรมอุตุนิยมวิทยา ออกแถลงการณ์ระบุว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 23 ต.ค.2568 จากการวิเคราะห์ของกรมอุตุฯ พบว่า สภาพอากาศของประเทศไทยตอนบนขณะนี้เข้าเกณฑ์ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ใช้พิจารณาการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ฤดูหนาว คือ อุณหภูมิต่ำสุดของประเทศไทยตอนบนจะลดลงอย่างต่อเนื่องอยู่ในเกณฑ์อากาศหนาวเย็น โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึงต่ำกว่า 23.0 องศาเซลเซียส เกือบทั่วพื้นที่
ลมระดับล่างที่ความสูงประมาณ 100-3,500 เมตร เปลี่ยนเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือ หรือลมตะวันออกซึ่งเป็นลมจากประเทศจีนพัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่วนลมระดับบน ที่ความสูงประมาณ 5,000 เมตร ขึ้นไป เป็นลมฝ่ายตะวันตก
รวมถึงปริมาณและการกระจายของฝนบริเวณประเทศไทยตอนบนเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอากาศจะเริ่มเย็นในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ และเข้าสู่ฤดูหนาวจะหนาวเย็นขึ้น อากาศจะต่ำลง ในวันที่ 23 ต.ค.2568 และคาดว่าจะสิ้นสุดประมาณปลายเดือน ก.พ.2569

สำหรับลักษณะอากาศโดยทั่วไปของฤดูหนาวของไทยในปีนี้ คาดว่า อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 21-25 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าปกติประมาณ 1 องศาเซลเซียส และจะมีโอกาสหนาวเย็นใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ กทม.อุณหภูมิต่ำสุด 18 -20 องศาเซลเซียส
ช่วงที่มีโอกาสสัมผัสอากาศหนาว จะอยู่ในช่วงเดือน ธ.ค.2568-ม.ค.2569 โดยเฉพาะบริเวณยอดดอย ยอดภู และเทือกเขาที่จะมีอุณหภูมิต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียส และจะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ในพื้นที่บริเวณดังกล่าว เช่น ดอยอินทนนท์ ดอยอ่างขาง ดอยผ้าห่มปก จ.เชียงใหม่ หรือ ภูเรือ จ.เลย
เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ อาจมีข้อควรระวังหรือผลกระทบในเชิงลบกับสถานการณ์ที่ต้องระวัง โดยในส่วนของภาคใต้ ยังมีฝนตกชุกต่อเนื่องในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกของภาคใต้ ประชาชนในพื้นที่ควรเฝ้าระวังฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และพายุหมุนเขตร้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงดังกล่าว
สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีโอกาสสัมผัสอุณหภูมิต่ำสุดในช่วงฤดูหนาวนี้ ประมาณ 20 องศาเซลเซียส อากาศจะเย็นสบายมากขึ้น เหมาะกับการวางแผนท่องเที่ยว ใช้ชีวิตและทำกิจกรรมกลางแจ้ง ส่วนช่วงปลายเดือนนี้ ประเทศไทยตอนบน ยังมีโอกาสเกิดฝนตกในบางพื้นที่ จึงขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับมืออุณหภูมิที่จะมีการเปลี่ยนแปลงที่จะมีอุณหภูมิต่ำลง เกษตรกรควรดูแลผลผลิตที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำค้างแข็ง รวมทั้งขอให้ทุกท่านฝากแผนที่จะเดินทางและดูแลตัวเองให้ปลอดภัยในช่วงฤดูหนาวนี้
ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.2569 มีข้อควรระวังในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกมักจะมีการสะสมของฝุ่นละอองในอากาศมากขึ้น ซึ่งมักจะเป็นช่วงวิกฤต PM 2.5 หลังจากนั้นในเดือน มี.ค.-เม.ย.พื้นที่ที่จะกระทบกับปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 จะเกิดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเกิดขึ้นทั้งประเทศตั้งแต่ช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยาจะนวบรวมข้อมูลและประสานกับหน่วยงานต่าง ๆในการรับมือกับอากาศที่หนาวาเย็นลงและผลกระทบจากฝุ่นละออง PM 2.5
ด้าน ดร.สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวเสริมว่า ในช่วงต้นฤดู สภาพอากาศยังคงมีความแปรปรวน โดยจะมีฝนตกในบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล กรมอุตุนิยมวิทยาจึงยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมสื่อสารข้อมูลล่วงหน้าอย่างทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนสามารถเตรียมตัวทั้งด้านสุขภาพ การเดินทาง และการดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นใจ
อ่านข่าว : คาดการณ์ "ฤดูหนาว" เริ่มช้า 2 สัปดาห์ - หนาวน้อยกว่าปี 67
ยะเยือกในรอบ 5 ปี คนกรุงฯ สัมผัสลมหนาว 15.2 องศาฯ
เตือนภัย! ดื่มสุราแก้หนาวเสี่ยง "ไฮโปเทอร์เมีย" อาจถึงตาย
แท็กที่เกี่ยวข้อง: