ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ด่วน "วรภัค "ลาออก "รมช.คลัง" ยืนยันไม่เกี่ยวข้อง "สแกมเมอร์"

การเมือง
14:55
655
ด่วน "วรภัค "ลาออก "รมช.คลัง" ยืนยันไม่เกี่ยวข้อง "สแกมเมอร์"
ด่วน "วรภัค" ลาออก "รมช.คลัง" ยืนยันไม่เกี่ยว "สแกมเมอร์" เล็งฟ้องผู้บิดเบือนและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ เพื่อปกป้องเกียรติ ชื่อเสียง และหลักความจริง ระบุลาออกเพื่อไม่ให้กระทบการทำงานของรัฐบาล

วันนี้ (22 ต.ค.2568) นายวรภัค  ธันยาวงษ์ รมช.คลัง แถลงข่าวกรณีถูกพาดพิงว่า เกี่ยวข้องแก๊งสแกมเมอร์ โดยระบุว่า ด้วยมีข่าวบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีกระผม นายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าพัวพันกับแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋น ฟอกเงิน และธุรกิจผิดกฎหมายกัมพูชา กระผมขอเรียนการชี้แจง ดังนี้

1. ประวัติและภูมิหลังการทำงาน กระผม นายวรภัค ธันยาวงษ์ มีประสบการณ์ในแวดวงการเงินและธนาคารมากกว่า 30 ปี เป็นหนึ่งในคนไทยที่ได้รับโอกาสและความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในสถาบันการเงินชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ Bank of Armerica (ประเทศไทย) อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ JP. Morgan Chase (ประเทศไทย) อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (จนถึงปี 2559)

ต่อมาภายพลังจากเกษียนจากงานประจำตอนอายุ 52 ปี และได้นำความรู้ มาเขียนบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเงิน การธนาคาร มาอย่างต่อเนื่องหลายปี และได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก ในปี พ.ศ. 2567 กระผมได้รับเกียรติแต่งตั้งเป็นประธานคณะที่ปรึกษาของท่านรองนายกฯ และ รมว.คลัง (นายพิชัย ชุณหวชิร)

และต่อมาในปี พ.ศ.2568 กระผมได้รับเกียรติ ให้เข้ารับตำแหน่ง รมช.คลัง ในรัฐบาลปัจจุบันเพื่อทำงานรับใช้ประเทศชาติ โดยที่กระผมไม่เคยมีความทะเยอทะยานทางการเมืองแต่อย่างใด มีเพียงความมุ่งมั่นในการใช้ความรู้ความสามารถให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติโดยรวมเป็นสำคัญ

2. ข้อเท็จจริงกรณีการพาดพิงผมกับ "Cambodian scammers" การฟอกเงินและธุรกิจ เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเผยแพร่ ใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือน และพยายามที่เชื่อมโยงชื่อของกระผมกับเครือข่ายที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการ Cambodian scarnmers ในการนี้ กระผมขอชี้แจง ข้อเท็จจริง ดังนี้

2.1) ข้อกล่าวหาเรื่องความเกี่ยวข้องกับขบวนการ หลอกลวงต้มตุ๋นหรือที่เรียกว่า scammers ในประเทศกัมพูชานั้น กระผมไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋นหรือธุรกิจผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะในประเทศกัมพูชาหรือประเทศอื่นใดทั้งสิ้น

สำหรับกรณีที่มีความพยายามเชื่อมโยง BIC Group และ BIC Bank Camboda ให้เกี่ยวข้องกับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋น ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น กระผมไม่อาจทราบได้ และคงต้องให้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ทั้งนี้ กระผมไม่สนับสนุนธุรกรรมผิดกฎหมาย และจะไม่ปกป้องผู้ที่ทำผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โดยส่วนตัวที่เคยพบกับผู้บริหารของ BIC Bank ที่เป็นประธานกรรมการของธนาคารนี้ ชื่อ Mr. Leak Yim แต่กระผมไม่เคย เป็นกรรมการ กรรมการบริหาร หรือที่ปรึกษาใด ๆ ของ BIC Bank Cambodia และไม่เคยรับเงินหรือผลตอบแทนใด ๆ ซึ่งการที่มีการนำรูปของกระผมและชื่อไปลงเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มธนาคารนั้น กระผมไม่เคยรับทราบมาก่อน

ส่วน Mr. Berjamin Mauelberger นั้น กระผมได้รู้จักกับ Me.Berjamin เนื่องจากลูกเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันในประเทศไทย แต่กระผมก็ไม่เคยทราบลึก ๆ ว่า Mr. Benjamin ประกอบธุรกิจอะไรอย่างไร หรือมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจอย่างไรกับ Mr. Leak Yin เพราะกระผมกับ Mr. Berjamin เป็นผู้ปกครองนักเรียนวัย เดียวกัน ชั้นเดียวกัน โรงเรียนเดียวกันเท่านั้น

2.2) ข้อกล่าวหาเรื่องการเป็นตัวแทน (Noninee) เชื่อมโยงกับบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส (Finansia Syrus : FSS) ผ่าน Pilgrim Finansa ในปี พ.ศ.2564 กระผมได้เข้าซื้อหุ้น 29% ของ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายและกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทุกประการ ซึ่งเป็นการซื้อกิจการในลักษณะที่เรียกว่า manapernent buy out

อีกนัยหนึ่ง ก็คือ ผู้บริหารที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารกิจการของบริษัทนั้น ๆ (คือกระผมและคุณช่วงชัย) เห็นโอกาสในการซื้อหุ้นราคาเหมาะสมเพื่อมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทเติบโตและมีกำไรสูงขึ้นเพื่อราคาหุ้นที่ดีขึ้น ในอนาคตและมีผู้สนับสนุนทางการเงิน อาทิ ธนาคารหรือกองทุนที่มองเห็นว่า หุ้นที่ซื้อมาราคาไม่แพงและมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคตคุ้มกับความเสี่ยงในการสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งธุรกรรมการกู้เงินมาซื้อหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์นี้เป็นเรื่องปกติถ้าธนาคารหรือผู้กู้เข้าใจมูลค่าหุ้นที่นำมาเป็นหลักประกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้น 29 % ที่กระผมและคุณช่วงชัยซื้อมา ถือว่าเป็น controlling stake ของบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ที่มีส่วนแบ่ง ทางการตลาด (Market share) ขณะนั้นเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รวมทั้ง บริษัทหลักทรัพย์ฟินันซาที่เป็นวาณิชธนกิจ อันดับต้น ๆ ของประเทศไทยมาอย่างยาวนานกระผมและคุณช่วงชัย (CEO)ซื้อหุ้นผ่านบริษัท Pilgrim Finansa (ถือหุ้นร่วมกันในสัดส่วน 60 : 40) และทำ Mandatory Tender Offer ตามกฎหมาย

ในการซื้อหุ้นในครั้งนั้น กระผมได้รับการสนับสนุน 2 ส่วน คือ ในส่วนที่ซื้อหุ้นและในส่วนที่ต้องเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้น (tender offer) ซึ่งส่วนแรกเป็นเงินกู้จากกองทุนในสิงคโปร์ชื่อ Capital Asia Investment (CAI เป็นบริษัทจัดการกองทุน ภายใต้การกำกับดูแลของ MAS ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล Investment and Financial Services Sole Co., Ltd." และอีก 30% โดยบริษัทการไฟฟ้าลาว เพื่อเตรียมการเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายอื่น ทั้งนี้ วงเงินจาก BIC Laos เป็น standby facility เพื่อทำ tender แต่เนื่องจาก
ไม่มีผู้มาขายใน tender จึงไม่มีการใช้วงเงินนี้ BIC Bank Lao และ BIC Bank Camboda มีความเกี่ยวพันมาอย่างไรจากในอดีต

ถึงใช้ชื่อคล้ายกันนั้นกระผมไม่ทราบ กระผมทราบแต่เพียงว่า ในปัจจุบันนั้นความเป็นเจ้าของและการบริหารจัดการนั้นแยกกันเด็ดขาด BIC Bank Lao ดำเนินกิจการมานานแล้วเป็นธุรกิจธนาคารที่ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจชาวลาวและบริษัทการไฟฟ้าลาว และเท่าที่หาข้อมูลได้ BIC Bank Cambodia ที่อยู่ในประเทศกัมพูชานั้น ถือหุ้นใหญ่โดย บริษัท Apsara Holdings 99% และ Mr. Yim Leak 1 %

หลังจากกรรมและคุณช่วงชัยเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ฟิมันเซีย ในปี พ.ศ.2564 กระผมและคุณช่วงชัยได้ดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัทโดยจ้าง McKinsey & Co. เป็นที่ปรึกษา เพื่อทำ Digtal Transformation พัฒนาให้เป็นองค์กรดิจิทัล แต่การปรับปรุงองค์กรไม่เร็วอย่างที่กระผมคาด จนเมื่อปลายปี พ.ศ.2567 กระผมได้ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดให้กับคุณช่วงชัย หุ้นส่วนเดิมของกระผม และลาออกจากตำแหน่งกรรมการทุกตำแหน่งในบริษัท หลังจากนั้นกระผมไม่เคยมีความเกี่ยวข้องใด ๆ ในการถือหุ้นหรือในการบริหารบริษัท Finansia อีก

ส่วนคุณช่วงชัยชายหุ้นให้ใครหรือมีการเพิ่มทุนอีกหรือไม่ผมเองก็ไม่ได้ติดตามข่าว ซึ่งการที่บุคคลใดจะนำชื่อของผมในอดีตไปเชื่อมโยงกับบุคคลหรือเครือข่ายใดในภายหลัง ดังนั้น การคาดเดา กล่าวอ้างหรือกล่าวเท็จเรื่องในความคิดตัวเองว่ากระผมเป็น Nominee หรือเป็นฟันเฟืองสำคัญของกระบวนการ scammer ถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีและบิดเบือนข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ ขบวนการใส่ร้ายป้ายสี กระผมล่าสุด ยังได้เหิมเกริม ใส่ร้ายด้วยข้อมูลเท็จ กับภรรยาของกระผม ว่าได้รับผลประโยชน์เป็นเงินคริปโตจำนวนหลายล้านเหรียญ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด กระผมขอยืนยันว่า ภรรยาของกระผมไม่เคยมีบัญชีคริปโตใด ๆ ทั้งสิ้นทั้งในอดีตและปัจจุบัน และไม่เคย ได้รับผลประโยชน์โดๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้เลย

3. จุดยืนส่วนตัวและทางการเมือง กระผมปฏิเสธข้อกล่าวหา ได้ร้าย ป้ายสี ทั้งหมดอย่างชัดเจนว่าไม่เคย มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มบุคคลหรือขบวนการที่เกี่ยวข้องกับ Cambodian scammers หรือกระบวนการต้มตุ๋น หลอกลวง ธุรกิจผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น
กระผม มีประวัติการทำงานและจรรยาบรรณที่ โปร่งใส ตรวจสอบได้ มาตลอด 30 ปีในแวดวงการเงินระดับสากล ทั้งในองค์กรต่างชาติและองค์กรของรัฐขนาดใหญ่ของไทย และปัจจุบันทำงานในตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังด้วยความชื่อสัตย์สุจริต ข้าราชการกระทรวงการคลังที่มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับผมมากกว่า 1 ปี ก่อนหน้านี้ รวมทั้งในปัจจุบัน จะสามารถยืนยันได้ว่าผมทำงานอย่างไร

4. การดำเนินการต่อ

4.1 กระผมขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางหมายกับผู้ที่บิดเบือนและและเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่ทำให้ผมเสียชื่อเสียง

4.2 กระผมเชื่อมั่นในหลักนิติธรรมและจะยืนหยัดในความจริงเพื่อปกป้องชื่อเสียงส่วนบุคคลและเกียรติของตำแหน่งทางการเมืองที่ได้รับมอบหมาย


5. คำยืนยัน "กระผมไม่เคยและจะไม่เกี่ยวร้องกับกระบวนการทุจริต ฉ้อโกง หรือเครือข่ายยอาชญากรรมข้ามชาติใด ๆ ชีวิตการทำงานกว่า 30 ปีของผมอยู่บนหลักความสุจริต โปร่งใส และความรับผิดชอบต่อสังคม"

ล่าสุดเมื่อเวลา ประมาณ 14.30 น. นายวรภัค ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง รมช.การคลัง โดยระบุว่า เพื่อไม่ให้เรื่องส่วนบุคคลกลายเป็นภาระ หรือเงื่อนไขที่กระทบต่อความคล่องตัวและประสิทธิภาพของรัฐบาล โดยตัดสินใจเพื่อยืนหยัดในหลักความโปร่งใส และให้รัฐบาลปราศจากข้อครหา 

ผมยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเอง และจะดำเนินการทางกฎหมายแก่ผู้ที่บิดเบือนและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ เพื่อปกป้องเกียรติ ชื่อเสียง และหลักความจริง

 

 

อ่านข่าว : กมธ.ปปง.เตรียมเชิญ “ปปง.-อัยการ-ตร.สากล” ให้ข้อมูลกรณี “เฉิน จื้อ”

เวทีรัฐสภาโลกโหวตหนุนมติไทยถก "สแกมเมอร์" เป็นวาระเร่งด่วน 

ศร.วินิจฉัยกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน 'ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ' หลัง "แส จี้นเจียง" ส่งคำโต้แย้ง