สำหรับปีนี้เป็นปีสุดท้ายของ "แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14" ของจีน และปีหน้าจะเริ่มต้น "แผนฯ ฉบับที่ 15" ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญนี้ จีนได้มีการจัดประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ชุดที่ 20 ระหว่างวันที่ 20–23 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ กรุงปักกิ่ง โดยที่ประชุมได้ผ่านมติ "ข้อเสนอของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15"
ที่ประชุมมีข้อสรุปว่า "แผนฯ ฉบับที่ 14" ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยเป็นช่วงที่การพัฒนาของจีนอยู่ในภาวะที่ไม่ปกติอย่างยิ่ง แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน และมีภารกิจการปฏิรูป การพัฒนา และการรักษาเสถียรภาพภายในประเทศที่หนักหน่วง
แต่ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยมี สี จิ้นผิง เป็นแกนกลาง จีนสามารถรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 และความท้าทายร้ายแรงต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ศักยภาพทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนศักยภาพโดยรวมของประเทศก้าวสู่ระดับใหม่ ความทันสมัยแบบจีนก้าวหน้าไปอีกขั้น และเริ่มต้นการเดินทางใหม่เพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งศตวรรษที่สองอย่างมั่นคง
ที่ประชุมยังได้กำหนดเป้าหมายหลักของ "แผนฉบับที่ 15" ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพสูงเห็นผลชัดเจน การยกระดับความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว การเพิ่มการปฏิรูปเชิงลึกให้บรรลุผลใหม่ ๆ การยกระดับทางวัฒนธรรมและอารยธรรมในสังคม การปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาประเทศจีนที่สวยงามมีความก้าวหน้าที่สำคัญ และการสร้างเกราะป้องกันให้กับความมั่นคงของชาติมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจีนต้องต่อสู้บนพื้นฐานเหล่านี้ต่อไปอีก 5 ปี
และเมื่อถึงปี 2035 จีนจะบรรลุความยิ่งใหญ่ ทั้งศักยภาพทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ความมั่นคง ความเข้มแข็งในภาพรวม และบทบาทในเวทีโลก รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชาชนจีนจะเทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาในระดับปานกลาง ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุข และบรรลุความทันสมัยโดยทั่วไปตามแบบของระบอบสังคมนิยม
เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ยังกล่าวถึงความสำคัญของแผน 5 ปี ว่า แม้แผน 5 ปี จะไม่ใช่สิ่งที่จีนคิดค้นขึ้นเป็นประเทศแรก แต่การที่สามารถดำเนินการอย่างต่อเนื่องยาวนานและบรรลุผลสำเร็จอย่างยิ่งนั้น ถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลก ตั้งแต่ปี 1953 เป็นต้นมา จีนได้ดำเนินแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมมาแล้ว 14 ฉบับ
"แผน 5 ปี" ได้กลายเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ในการชี้นำทิศทางการพัฒนาของประเทศ ผลักดันแนวปฏิบัติของการพัฒนาประเทศ และกำกับการพัฒนาของประเทศจีน ดังที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวไว้ว่า การวางแผนอย่างเป็นระบบและดำเนินการตามแผนอย่างต่อเนื่อง คือ
ประสบการณ์สำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการบริหารประเทศ และเป็นข้อได้เปรียบทางการเมืองที่สำคัญของระบอบสังคมนิยมแบบจีน
ความสำเร็จในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีอะไรบ้าง ตั้งแต่ "แผนฉบับที่ 14" เป็นต้นมา เศรษฐกิจจีนเติบโตทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นจาก 110 ล้านล้าน เป็น 120 ล้านล้าน และ 130 ล้านล้านหยวนตามลำดับ ซึ่ง 4 ปีแรกมีอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5.5 และคาดว่าตลอด 5 ปีจะขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 35 ล้านล้านหยวน ปีนี้คาดว่า GDP จะสูงถึงราว 140 ล้านล้านหยวน จีนมีส่วนช่วยต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมากถึงประมาณร้อยละ 30 มาเป็นเวลานาน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก
จีนกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมของโลก โดยอยู่ใน 10 อันดับแรกของดัชนีนวัตกรรมโลก และกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการพัฒนานวัตกรรมที่เร็วที่สุดของโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวอุปกรณ์หนัก เช่น เรือบรรทุกเครื่องบิน "ฝูเจี้ยน" สถานีอวกาศจีน เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่แบรนด์จีน เป็นต้น
รวมถึงนวัตกรรมชั้นนำอย่างปัญญาประดิษฐ์ การสื่อสารควอนตัม ฯลฯ ก็ประสบความสำเร็จมากมาย อุตสาหกรรมใหม่อย่างหุ่นยนต์และชีวเวชภัณฑ์ก็ได้รับการบ่มเพาะอย่างรวดเร็ว กลายเป็นต้นแบบด้านเทคโนโลยีและรูปแบบทางการตลาดสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเกิดใหม่ของโลก
จีนกลายเป็นผู้นำโลกด้านการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว ในช่วง 4 ปีแรก จีนสามารถรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยปีละร้อยละ 5.5 ด้วยอัตราการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงปีละร้อยละ 4.7 ความเข้มข้นของการใช้พลังงานลดลงสะสมถึงร้อยละ 11.6 นับเป็นหนึ่งในประเทศที่ลดความเข้มข้นในการใช้พลังงานได้รวดเร็วที่สุดในโลก ในปัจจุบัน พลังงานไฟฟ้าที่ประชาชนจีนใช้ทุก ๆ 3 หน่วย จะมี 1 หน่วยเป็นพลังงานสีเขียว ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่ใช้พลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในโลก
เคล็ดลับของความสำเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจจีน
หากมองย้อนกลับไปในเส้นทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนยุคใหม่ ภายในเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา จีนได้เปลี่ยนแปลงจากประเทศที่ยากจนและล้าหลังขั้นสุดขีด มาเป็นประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวมากกว่า 13,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนมูลค่าเพิ่มในภาคการผลิตเกือบร้อยละ 30 ของโลก และมีความแข้งแกร่งโดยรวมในระดับแนวหน้าของโลก เหล่านี้นับเป็นปาฏิหาริย์แห่งการพัฒนาที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นได้เพราะจีนมีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นผู้นำอย่างเข้มแข็ง พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำในการกำหนดทิศทางและประสานงานทุกภาคส่วน เพื่อชี้นำการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนบริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง เปรียบเหมือน "สมอแห่งเสถียรภาพ" ที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนในระยะยาว
ระบบทฤษฎีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีการพัฒนาตามยุคสมัยและมีการสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง โดยแนวคิดทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เสนอแนวทางสำคัญหลายประการ เช่น แนวคิดการพัฒนาสมัยใหม่ โครงร่างการพัฒนาสมัยใหม่ และ การพัฒนาพลังการผลิตคุณภาพใหม่ เป็นต้น ซึ่งเป็นการชี้แนวทางอย่างมีวิทยาศาสตร์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน
แนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน
ตั้งแต่ต้นปีนี้ เศรษฐกิจจีนก้าวหน้าอย่างมั่นคง โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ใน 3 ไตรมาสแรกเติบโตร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบเป็นรายปี ท่ามกลางสภาวะที่แรงผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอ่อนแอ ลัทธิการกีดกันทางการค้าผงาด ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น และการกระทบกระทั่งทางการค้าระหว่างประเทศเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ได้เผยให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของเศรษฐกิจจีนอย่างชัดเจน นั่นคือ มีพื้นฐานที่มั่นคง มีความยืดหยุ่นที่เหนียวแน่น และมีศักยภาพอย่างใหญ่หลวง
เมื่อมองไปในอนาคต จีนยังมีศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ไม่ว่าสภาพแวดล้อมภายนอกจะซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร นโยบายมหภาคของจีนยังคงยึดมั่นในหลักการ "ก้าวหน้าอย่างมั่นคง" การพัฒนาความทันสมัยแบบจีนคือการเดินทางที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งตามแผนที่วางไว้ เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของการพัฒนาเศรษฐกิจจีนคือยึดมั่นในการปฏิบัติตามพิมพ์เขียวฉบับเดียวให้ถึงที่สุด และเศรษฐกิจจีนจะรักษาเสถียรภาพอย่างมั่นคง
จีนมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน มีผู้มีรายได้ปานกลางมากกว่า 400 ล้านคน มีการบริโภคเกือบ 50 ล้านล้านหยวน/ปี และมีการนำเข้ากว่า 20 ล้านล้านหยวน/ปี ตลาดขนาดใหญ่ของจีนกำลังเปลี่ยนผ่านจาก การตอบสนองความต้องการภายในประเทศจีน เป็น "โอกาสของโลก"
การพัฒนาของเศรษฐกิจจีนจะเปิดกว้างและได้ประโยชน์ร่วมกันมากยิ่งขึ้น จีนสนับสนุนและยึดมั่นในระบบพหุภาคีนิยมอย่างแท้จริง ใช้ภูมิปัญญาจีนและแนวทางของจีนในการส่งเสริมให้โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง จีนยืนหยัดที่จะรักษาความยืดหยุ่นและความมั่นคงของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานของโลก เพื่อให้การสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งต่อวงจรของเศรษฐกิจโลก จีนกำลังส่งเสริม
"ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road Initiative - BRI) อย่างมีคุณภาพสูง และส่งมอบผลิตภัณฑ์สาธารณะและเวทีความร่วมมือที่สำคัญแก่ประชาคมระหว่างประเทศ จีนมุ่งมั่นที่จะขยายการเปิดกว้างในระดับสูงอย่างไม่ลดละ เพื่อสร้างโอกาสอย่างกว้างขวางให้กับการพัฒนาร่วมกันของทุกประเทศ
จีนสนับสนุนไทย-กัมพูชา แก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจา
จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เป็นมิตรประเทศที่ดี เป็นญาติที่ดี และเป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน ฝ่ายจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับประเทศไทย ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย และเป็น "50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย" ความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ระหว่าง 2 ประเทศประสบความสำเร็จมากมาย ฝ่ายจีนพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนที่ไว้วางใจได้และพึ่งพาได้เสมอสำหรับฝ่ายไทย เพื่อร่วมกันผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทยให้ลึกซึ้งและเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ฝ่ายจีนชื่นชมฝ่ายไทยที่ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการปราบปรามการพนันออนไลน์และการหลอกลวงออนไลน์ ทั้งสองฝ่ายควรเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมาย ความมั่นคง และกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และรักษาระเบียบการอยู่ร่วมกันของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค
ในประเด็นความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ฝ่ายจีนยึดมั่นในจุดยืนที่เป็นกลางและเป็นธรรมมาโดยตลอด อีกทั้งพยายามช่วยไกล่เกลี่ยและผลักดันการเจรจา จีนสนับสนุนให้ไทยและกัมพูชาแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจา และสนับสนุนการแก้ไขปัญหาตาม "แนวทางของอาเซียน" ฝ่ายจีนยินดีใช้แนวทางของจีนส่งเสริมการเจรจาสันติภาพตามความประสงค์ของ ฝ่ายไทยและกัมพูชา เพื่อแสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง และการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธี
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านสื่อสารมวลชนของจีนและไทยมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในหลักสูตรครั้งนี้ ผู้เข้าอบรมจะได้เดินทางไปดูงานและเยี่ยมชมที่กวางสี เพื่อไปดูสถานการณ์ล่าสุดของการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนด้วยตาตนเอง ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมาก สำหรับการแลกเปลี่ยนระหว่าง 2 ฝ่าย
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนสื่อมวลชนทุกคนจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมมิตรภาพและความเข้าใจระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ และเสริมความแข็งแกร่งของพื้นฐานด้านมิตรภาพระหว่างประชาชนต่อไป สถานทูตจีนประจำประเทศไทยจะร่วมมือกับเพื่อนสื่อมวลชนทุกคน พยายามร่วมมือกันอย่างจริงใจเพื่อผลักดันความสัมพันธ์จีน-ไทยให้ก้าวไปสู่ "50 ปีทองต่อไป"
อ่านข่าวเพิ่ม :
"อนุทิน" ต้อนรับ "สุชาติ-ธนกร" เข้า "ภูมิใจไทย"
ก.ร.ตร.ชี้มูลความผิด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์-200 ตำรวจโดนส่วยเว็บพนัน











