วันนี้ (26 ต.ค.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Anutin Charnvirakul ความยาว 8 นาที สาระสำคัญ ระบุ เกี่ยวกับภารกิจการลงนามสันติภาพ ... แนวทางการเจรจาระหว่างไทย -กัมพูชาเพื่อสันติภาพของทั้ง 2 ประเทศ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในการประชุมอาเซียนซัมมิท โดยหยิบยกเรื่องความกังวลการเจรจาครั้งนี้ว่าทำให้ไทยเสียเปรียบหรือไม่
นายอนุทิน ยืนยัน ปฏิญญาทั้ง 4 ข้อไม่มีข้อใดทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ ซึ่งไม่ใช่สนธิสัญญาจึงไม่ต้องขอการรับรองจากรัฐสภา แต่รับรองจาก ครม. แล้ว คือ 1. การถอนอาวุธหนักจากแนวชายแดน 2. การเกิดวัตถุระเบิด 3. การร่วมมือกันปราบปรามอาชญากรรมสแกมเมอร์ และ4. หาแนวทางการบริหารพื้นที่ทับซ้อนรวมร่วมกัน
ทั้ง 4 ข้อประชาชนเห็นได้เลยว่าจะมีการเริ่มจากฟังกัมพูชาก่อน เมื่อเขาเริ่มแล้วเราถึงจะมาประเมินและดำเนินการต่อไปในเรื่องการทำให้เกิดสันติภาพในความสัมพันธ์ของประเทศทั้งสอง ปฏิญญานี้คือสิ่งที่จะนำไปสู่การปฎิบัติของทั้งสองประเทศทำให้เกิดสันติภาพเกิดความสงบในพื้นที่ชายแดน
นายอนุทินย้ำว่าประเทศไทยไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใครแม้แต่คนเดียว ประเทศไทยรักสงบ อย่างเพลงชาติระบุ “ ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ซึ่งไทยยึดมั่นในกรอบนี้มาตลอด จึงขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลไทย กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศทำงานอย่างหนัก ขอให้มั่นใจ พร้อมหยิบยกประสบการณ์การเจรจาตั้งแต่ทำงาน ส่วนตัวเห็นว่าปฏิญญาที่จะลงนามในวันนี้ ไม่เห็นจุดใดที่จะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ ท่ามกลางสักขีพยานจาก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
พร้อมเน้นย้ำว่า การดำเนินการของรัฐบาล มองเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ทำให้ประเทศไทยรักษาเกียรติภูมิ รักษาอธิปไตย รักษาดินแดน และยืนยันการเจรจาเรื่องแผนที่ 1:200,000 ไม่เป็นความจริง แต่ตอนนี้มีเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่าลิดาร์ เมื่อ นำไปสู่การเจรจาปักเขตแดนจนครบ ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวก็จะทำให้ประเด็นแผนที่ 1:200,000 หมดไปโดยปริยาย จะใช้เจรจาใช้หลักความเป็นจริงโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้มากที่สุด
“ขอกำลังใจครับ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมง จะได้ลงนามในปฏิญญานี้แล้ว ขอย้ำว่าไม่ใช่สัญญาสงบศึก ไม่ใช่พีชอะกรีเม้นท์ เป็นจอยท์เดคคอเรชั่น ที่เรียกว่าแนวทางที่จะดำเนินไปสู่การสร้างสันติภาพ ในดินแดนของทั้งสองประเทศ ขอให้ความมั่นใจอีกครั้งว่าพวกเราทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เป็นการตกลงเพียง1-2 วัน มีการประชุมข้อตกลงกันมาระยะหนึ่งแล้ว บางครั้งก็ล้มเหลวบางครั้งก็สำเร็จกันในที่สุดเชื่อว่า ด้วยการยึดมั่นในหลักแห่งความถูกต้องของประเทศไทย เราจึงสามารถทำให้คู่กรณียอมรับในสิ่งที่เป็นเงื่อนไขเราได้เสนอไปทุกข้อ” นายอนุทินกล่าว
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวทิ้งท้ายหวังว่าการดำเนินการลงนามเกิดขึ้นแล้ว จะมีการรายงานให้กับประชาชนทราบต่อไป หากมีเรื่องสำคัญจำเป็น จะมาพบกับประชาชนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อลงนามแล้วจะรีบรายงานและกลับประเทศไทย เพื่อไปร่วมพระราชพิธี และมั่นใจว่าเราจะต้องมีชัย และจะทำให้ดีที่สุดเพื่อประเทศไทยอันเป็นที่รักของ ประชาชนที่ถือเป็นผู้บังคับบัญชาและเจ้านาย
อ่านข่าว:
"เมียนมา" กวาดล้างสแกมเมอร์ ต่างชาติหนีเข้าไทยกว่าพันคน
"อนุทิน" ลงนามถอนสัญชาติไทย "ลียง พัด" ชี้พัวพันสแกมเมอร์
โฆษกรัฐบาลยัน ในที่ประชุม JBC ไม่มีการคุยเรื่องมาตราส่วนแผนที่











