ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“ผ้าไทย” จากรุ่นเก่าสู่รุ่นใหม่ สานภูมิปัญญาไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก

เศรษฐกิจ
10:19
64
 “ผ้าไทย” จากรุ่นเก่าสู่รุ่นใหม่ สานภูมิปัญญาไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก
หากพูดถึง “ผ้าไทย “ เชื่อได้ว่าหลายคนคงจินตนาการว่า เป็นชุดที่ดูล้าสมัย เหมาะกับคนทำงานที่เกี่ยวกับหน่วยงานราชการหรืองานพิธีการเท่านั้น ทำให้ผ้าไทยถูกจำกัดแค่คนใส่เฉพาะกลุ่มเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันผ้าไทย กำลังได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ที่นำผ้าไทยมาออกแบบให้ทันสมัยเหมาะกับกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น สามารถสวมใส่ได้หลากหลานโอกาส ทั้งงานพิธีการ งานกึ่งทางการ หรือแม้แต่สวมใส่ในการท่องเที่ยว

และยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ผ้าไทยสามารถเข้าถึงคนทุกกลุ่ม กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้จุดประกายไฟให้วงการแฟชั่นไทยอีกครั้ง กับการเปิดตัวโครงการประกวดนักออกแบบผ้าไทยใส่ให้สนุกรุ่นใหม่ ประจำปี 2568 หรือ "Young Designer 2025"

ซึ่งเป็นเวทีเฟ้นหานักออกแบบรุ่นใหม่เพื่อสร้างสรรค์ผ้าไทยตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่เป็นการเฟ้นหานักออกแบบรุ่นใหม่ที่ไม่ใช่แค่การประกวดออกแบบเสื้อผ้า แต่คือการเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมครั้งสำคัญ ที่จะพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า "ผ้าไทย" ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในพิพิธภัณฑ์ แต่พร้อมที่จะโลดแล่นไปบนทุกรันเวย์และสตรีทแฟชั่นทั่วโลก

การรื้อฟื้นให้คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ หันมาสนใจคามเป็นไทยและสิ่งที่เป็นวัฒนธรรมไทย ส่งผลให้ ธุรกิจผ้าไทย ปี 2568 โตขึ้นว่า 4 เท่า มียอดจดทะเบียนตั้งใหม่เพิ่มขึ้นคิดเป็น มูลค่าทุน 684 ล้านบาท โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่นำผ้าไทยมาต่อยอดเชิงพาณิชย์และเชิงวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ ชี้เป็นสัญญาณดีของการสืบสานภูมิปัญญาไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก

“ธุรกิจผ้าไทย” 9 เดือนโตก้าวกระโดด 406 %

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจประจำเดือนก.ย. 2568 พบว่า ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผ้าไทย มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดและได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่นำผ้าไทยมาต่อยอดเชิงพาณิชย์และเชิงวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์

ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-กันยายน) มีการจดทะเบียนนิติบุคคลตั้งใหม่ 642 ราย เพิ่มขึ้น 515 ราย คิดเป็น 406 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 (127 ราย) และมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 460 ล้านบาท คิดเป็น 205 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 (225 ล้านบาท)

ทั้งนี้ การจัดตั้งธุรกิจในรอบ 9 เดือน ของปี 2568 เป็นกิจการขนาดเล็ก (SMEs) ทั้งหมด โดยมีสัดส่วนบริษัทจำกัด 425 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 574 ล้านบาท และห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 217 ราย มูลค่าทุน 110 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงพลังของผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสืบสานภูมิปัญญาผ้าไทยและพัฒนาให้ทันสมัยสอดคล้องกับความต้องการของตลาด

ประเทศไทยมีนิติบุคคลธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผ้าไทย จำนวนทั้งสิ้น 3,416 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 47,339 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มผลิต 651 ราย ทุนจดทะเบียน 32,939 ล้านบาท และ กลุ่มขายส่ง/ปลีก 2,765 ราย ทุนจดทะเบียน 14,400 ล้านบาท

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวอีกว่า หากมองย้อนหลังไป 5 ปี (2563-2567) พบว่า ธุรกิจผ้าไทยมีการเติบโตที่ผันผวนและชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 แต่สามารถกลับมาเติบโตเมื่อการระบาดสิ้นสุด ทำการจัดตั้งใหม่ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 160 รายต่อปี โดยปี 2567 มีการจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 163 ราย ทุนจดทะเบียน 275 ล้านบาท มีเงินทุนที่เพิ่มขึ้น 38 % จากปี 2566 (199 ล้านบาท) โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในกลุ่มขายส่ง/ปลีก

กระแสแฟชั่นยุคใหม่ ดัน “ธุรกิจผ้าไทย”โตพุ่ง

“ธุรกิจผ้าไทยถือเป็นหนึ่งในธุรกิจสร้างมูลค่าสูงของประเทศ โดยมีส่วนเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งในเดือนส.ค. 2568 ไทยมีมูลค่าการส่งออกกว่า 494.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้ง กระแสแฟชั่นยุคใหม่ที่เน้นความยั่งยืน (Sustainability) การใช้เส้นใยธรรมชาติ และการออกแบบที่สะท้อนอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น ล้วนส่งผลให้ผ้าไทยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ด้านการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมีมูลค่า 22,093 ล้านบาท โดยมีประเทศที่เข้ามาลงทุนใน 3 ลำดับแรกคือ ออสเตรีย 16,679 ล้านบาท ญี่ปุ่น 2,733 ล้านบาท และสิงคโปร์ 1,021 ล้านบาท”

สำหรับ โอกาสของธุรกิจผ้าไทยที่ภาครัฐได้เร่งส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมผ้าไทยอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการสำคัญ อาทิ การผลักดันให้ผ้าไทยเป็น Soft Power การจัดนิทรรศการและจำหน่ายสินค้าผ้าไทย หรือโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก เพื่อสร้างกระแสการใช้ผ้าไทยในชีวิตประจำวัน ในด้านการส่งเสริมของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ดำเนินการผ่านโครงการ SMART Local ME-D ที่มุ่งยกระดับผู้ประกอบการชุมชนให้สามารถเชื่อมโยงตลาดเชิงพาณิชย์และตลาดดิจิทัล

พร้อมเสริมองค์ความรู้ด้านการออกแบบ การตลาด และธรรมาภิบาลธุรกิจ เพื่อให้ผ้าไทยกลายเป็น Soft Power ที่สร้างรายได้ เสริมเศรษฐกิจฐานราก และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศอย่างยั่งยืน

ดังนั้น ผ้าไทยไม่ใช่เพียงมรดกทางวัฒนธรรม แต่คือโอกาสทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้ หากได้รับการสนับสนุนและต่อยอดอย่างถูกทิศทาง ผ้าไทยจะสามารถก้าวสู่เวทีแฟชั่นระดับโลกได้อย่างภาคภูมิใจ

ปัจจุบันสินค้าผ้า GI ทั้ง 17 รายการ กลายเป็นสินค้าเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดต่างๆ มีปริมาณการผลิตรวมกว่า 280,000 ชิ้นต่อปี และสามารถสร้างรายได้สู่ชุมชนรวมกว่า 490 ล้านบาทต่อปี ตอกย้ำภาพลักษณ์สินค้า GI ซึ่งถือเป็นสินค้าคุณภาพที่มีเอกลักษณ์ เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ช่วยสร้างอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน

อ่านข่าว:

 เทศกาลเททอง ฉุดทองดิ่งรอบ 5 ปี เหตุดอลลาร์ "แข็ง"นักลงทุนหนีสินทรัพย์ปลอดภัย

ส่องตลาดบ้านหรู เป็นได้ทั้งพลุ-ระเบิดเวลา

“ชาไทย” จากท้องถิ่นสู่ตลาดโลก โอกาสใหม่เศรษฐกิจสร้างสรรค์