วันนี้ (29 ต.ค.2568) ตำรวจกองบังคับปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ควบคุมผู้ต้องหา ตามหมายจับ จำนวน 3 คน ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ นครสวรรค์ และ จ.อุดรธานี พร้อมของกลาง เป็นโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง และโน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง
หลังตำรวจสืบสวนพบว่าทั้ง 3 คน มีพฤติการณ์กระทำผิดเข้าข่าย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ภายหลังสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง พบผู้ต้องหาโพสต์เฟซบุ๊กชักชวนให้บุคคลที่มีสิทธิใช้โครงการคนละครึ่งพลัสมาแลกรับเงินการใช้สิทธิ แต่มีเงื่อนไขหัก 10 - 20% ของจำนวนเงินที่มีการใช้
พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามกระทำความเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การสืบสวนจับกุม ดำเนินการก่อนที่จะเริ่มเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิประมาณ 1 สัปดาห์ จึงยังไม่มีผู้เสียหายถูกหลอก และจากการตรวจสอบที่อยู่ของผู้ต้องหาบางคนไม่ได้มีร้านค้าตามจริง
พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า หากผู้ใช้สิทธิและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข หรือใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น มีการนำไปแลกเป็นเงินสด จะถือว่ามีความผิดข้อหาร่วมกันฉ้อโกง เนื่องจากรัฐเป็นผู้เสียหายและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และจะถูกระงับสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการอื่นของรัฐบาล
ด้านนายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า โครงการนี้มีคนเข้าร่วมโครงการ 20 ล้านคน มีร้านค้าลงทะเบียนกว่า 640,000 คน ตั้งแต่เวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา มีการจับจ่ายใช้สอยโครงการคนละครึ่งพลัสไปแล้วกว่า 340 ล้านบาท
ขณะนี้ทางกระทรวงการคลัง ร่วมกับตำรวจเฝ้าระวังกลุ่มมิจฉาชีพ ที่โพสต์ชักชวนให้หลงเชื่อผ่านทางโซเชียลมีเดียอย่างเข้มข้น หากพบกระทำผิดจะดำเนินคดีใฟ้ถึงที่สุด เพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ หากพบเห็นในการกระทำความผิดสามารถแจ้งได้โดยกระทรวงการคลัง หรือเว็บไซต์ของคนละครึ่งพลัสได้ทันที
อ่านข่าว : “คนละครึ่งพลัส”วันแรกใช้จ่ายสะพัด 500 ล้าบบาท ร้านค้าเข้าร่วมได้ถึง19 ธ.ค.
"คนละครึ่งพลัส" ใช้วันแรก "อัยรินทร์" คาดเงินสะพัด 8.8 หมื่นล้านทั่วประเทศ
พณ.ขานรับ”คนละครึ่งพลัส” จับมือ ห้างท้องถิ่น ลด 60% ทั่วปท.เริ่ม 1 พ.ย.นี้











