เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2568 การประชุมกองเลขานุการคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ของไทย กับภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา หารือแผนปฏิบัติการในการปรับกำลังและถอนอาวุธหนัก ตามถ้อยแถลงร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาที่ประเทศมาเลเซีย โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบกำหนดวันปฏิบัติตามแผนถอนอาวุธหนัก ปรับกำลังร่วมกัน
- เฟสแรก วันที่ 1 พ.ย.2568 ปรับกำลังประเภท Type A อาวุธประเภทจรวดหลายลำกล้อง หรือ BM21
- เฟสที่ 2 วันที่ 22 พ.ย.2568 ปรับกำลังประเภท Type B อาวุธประเภท ปืนใหญ่ทั้งหมด ทั้งลากจูงและอัตราจร ขนาด 155 มิลลิเมตรลงมา
- เฟสที่ 3 วันที่ 13 ธ.ค.2568 ปรับกำลังประเภท Type C ถอนยานเกราะ รถถัง
ส่วนการพิจารณาปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า การพิจารณาจะเป็นไปตามหลักกติกาสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งจะพิจารณาจากลักษณะท่าทีของความเป็นปฏิปักษ์ที่เคยมีต่อกัน ต้องลดระดับลงชัดเจน ผ่านผลการดำเนินการตามข้อตกลงที่ทั้ง 2 ประเทศเห็นชอบร่วมกันไว้แล้ว 4 ข้อหลัก คือ การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มเคลื่อนย้ายรถถังออกจากพื้นที่ชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา
หลังจากนี้ ฝ่ายไทยจะติดตามความก้าวหน้า หากสิ่งที่ตกลงกันไว้ไม่บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมที่เพียงพอ กองทัพบกอาจพิจารณาเสริมใช้มาตรการอื่นภายใต้กรอบกฎหมาย และกติกาสากลมาสนับสนุนเพิ่มเติม
ขณะที่เวทีเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU 43 และ MOU 44 ไทย-กัมพูชา ที่จัดโดยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 54 นายพิชยพันธุ์ ชาญภูมิดล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า การทำความเข้าใจเรื่อง MOU ทั้ง 2 ฉบับให้ถ่องแท้ต้องยึดตามข้อเท็จจริง ซึ่งที่มาของ MOU 43-44 เกิดขึ้นบนพื้นฐานการสร้างสันติภาพและยับยั้งปัญหาเรื่องเขตแดน ไม่ได้เป็นการยอมรับแผนที่ฉบับใดฉบับหนึ่ง
สอดคล้องกับความเห็นของ พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ย้ำว่าการคง MOU 43-44 ระหว่างไทย-กัมพูชา ไม่ได้ส่งผลเรื่องเขตแดน ขณะที่ พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ อดีตเสนาธิการทหารเรือ ระบุว่า ที่ผ่านมามีหลายเสียงเสนอให้ยกเลิก MOU 43-44 แต่การจะยกเลิกหรือไม่ควรพิจารณาจาก 3 องค์ประกอบ คือ เนื้อหาของ MOU, กระบวนการจัดทำ และพฤติกรรมของกัมพูชา ซึ่งหากมองทั้ง 3 องค์ประกอบ พบข้อพิรุธที่อาจจะใช้ MOU 44 เป็นเครื่องมือแสวงผลประโยชน์
อดีตเสนาธิการทหารเรือ ยอมรับว่า ฝ่ายความมั่นคงมีข้อกังวลเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลเกาะกูด โดยเชื่อว่าสมเด็จฮุนเซนและทายาทมีความต้องการขยายอาณาเขตผลประโยชน์ทางทะเล และอาจจะหวังแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน ทำให้ในช่วงที่ผ่านมามีความพยายามที่จะเจรจาเรื่องนี้
อ่านข่าว
กองทัพไทย ถอนอาวุธหนักชายแดนตามถ้อยแถลงร่วมไทย-กัมพูชา
“กองทัพบก” ยันพร้อมส่งเชลยเขมรกลับ หากกัมพูชาทำตามเงื่อนไข 4 ข้อ
ทร.เก็บกู้ทุ่นระเบิด "บ้านหนองรี" พบทุ่นระเบิดสภาพใหม่-เก่า หลายชนิด











