วันนี้ (30 ต.ค.2568) คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เรียกกองทัพ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ "กัน จอมพลัง" มาชี้แจงข้อเท็จจริงการบริหารทรัพยากรของกองทัพในเหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดน ไทย-กัมพูชา หลัง "มูลนิธิ กัน จอมพลัง" ลงไปช่วยและรับบริจาคสิ่งของ จนถูกตั้งคำถามถึงงบประมาณของกองทัพ แต่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และนายกัน จอมพลัง ขอเข้าร่วมประชุมทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ แล้ววันนี้กรรมาธิการยังเชิญ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน เข้าร่วมซักถามด้วย
ระหว่างรอการประชุม น.ส.รักชนก ได้สอบถามฝ่ายเลขา ต้องการเอกสารชี้แจงจากกองทัพและอยากขอดู statement ของมูลนิธิการจอมพลัง รวมไปถึงใบเสร็จการใช้จ่ายต่าง ๆ ว่า เงินบริจาคดังกล่าว ถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์หรือไม่ เช่น การซื้อยางรถยนต์ ที่มีเอกสารปลอมหลุดออกมาก่อนหน้านี้
จากนั้นเวลา 16.28 น. "กัน จอมพลัง" เข้าสู่ห้องประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยขอใช้เวลาชี้แจงเพียง 20 นาที เนื่องจากติดภารกิจขายสินค้า
ประธานกรรมาธิการ เริ่มตั้งคำถามว่า อยากเห็นหนังสือการขอความอนุเคราะห์ทั้งหมดจากกองทัพ มีหน่วยงานไหนบ้างและขออะไรบ้าง ทำให้ กัน จอมพลัง โชว์หนังสือขอความอนุเคราะห์ ก่อนจะอ่านเนื้อหาให้ฟังความว่า หน่วยงานมีความต้องการเงินไปซื้อของใช้ จากบริษัทหนึ่ง (มีการระบุชื่อบริษัทมาเลย) จึงมาขอความอนุเคราะห์ เงินจากมูลนิธิ เพื่อไปซื้อของที่ต้องการใช้ อาทิ แผ่นเกราะแข็งป้องกันกระสุนระดับ 4 จำนวน 250 แผ่น จากนั้นมูลนิธิก็โอนเงินไปที่บริษัทดังกล่าวเลย โดยไม่ได้ผ่านหน่วยงาน ส่วนการส่งมอบสินค้า บริษัทก็ส่งให้หน่วยงานเลย ส่วนตัวจะไปร่วมถ่ายรูปตอนส่งมอบบ้างบางครั้ง
ทั้งนี้ กัน จอมพลัง ไม่ขอระบุว่า มีหน่วยงานใดบ้าง และใครเป็นคนเซ็น เนื่องจากกังวลว่า ผู้ขอความอนุเคราะห์จะได้รับผลกระทบ แต่ที่ผ่านมามีทั้งทหารและตำรวจที่ขอความอนุเคราะห์มา
ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กรรมาธิการ ได้แสดงความคิดเห็นว่า เรื่องนี้ควรตั้งคำถามกับกองทัพ ที่ไปขอความอนุเคราะห์ยุทธภัณฑ์ที่เป็นเกรดทำสงครามกับมูลนิธิต่าง ๆ เพราะในช่วงเวลาแบบนี้กลไกของมูลนิธิเกิดขึ้นได้ แต่กรณีนี้มองว่า เป็นประเด็นของกองทัพที่ไปขอรับบริจาคยุทธภัณฑ์ จากเอกชนได้อย่างไร
ส่วน น.ส.รักชนก กล่าวเสริมว่า อยากให้ "กัน จอมพลัง" ส่งหนังสือขอความอนุเคราะห์ มาให้กรรมาธิการทุกฉบับ เพื่อปกป้องตัวเอง
นอกจากนี้ "กัน จอมพลัง" ยังชี้แจง เรื่องการเข้าพื้นที่กฎอัยการศึกว่า การเข้าไปไม่ได้เข้าไปสร้างปัญหา แต่ไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ถือเป็นการร่วมแรงร่วมใจในการทำงาน ในเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งการเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้นไม่ได้มีแค่ตนเอง มีชาวบ้านมีพระ และยังมีการขอความอนุเคราะห์ในเรื่องอื่น ๆ ที่ขอมาทางไลน์ โดยไม่ได้ทำหนังสืออีก
อย่าง Notebook ในการกดกระสุนปืนใหญ่ ที่ทหารชั้นผู้น้อยมีความจำเป็นเร่งด่วน เข้าใจว่า กองทัพมีเงินอยู่แล้ว แต่ในความรวดเร็วไม่รู้ว่าจะเร็วได้มากน้อยแค่ไหน ขอมาปุ๊บก็จัดให้ ซึ่งเป็นการช่วยทหารได้และทำให้ทุกคนปลอดภัย มูลนิธิก็ปฏิบัติภารกิจหน้างาน เร่งดำเนินการให้เชื่อว่า กองทัพมีตังค์ มีศักยภาพในการทำอยู่แล้ว แต่ถ้าความรวดเร็วและขั้นตอน ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไร แต่สำหรับมูลนิธิทำได้เลย จึงถือว่า เป็นการทำงานร่วมกันมูลนิธิจัดหาให้ทหารก็มาลงแรง ในสถานการณ์วิกฤต
สุดท้ายทางกรรมาธิการได้ขอเอกสารขอความอนุเคราะห์ทุกอย่าง โดยยืนยันว่า ไม่ต้องกังวลว่าทหารชั้นผู้น้อยที่ขอมาจะได้รับผลกระทบ ยืนยันว่า เป้าประสงค์เพียงแค่ต้องการปรับปรุงการทำงานของกองทัพ
จากนั้น กรรมาธิการได้สอบถามโฆษกกองทัพบกว่า ได้ขอรับบริจาคอะไรไปบ้าง รวมไปถึงการจัดการพื้นที่ในเชิงนโยบาย โดย พล.ต.วินธัยกล่าวว่า ของที่ได้รับการสนับสนุนเข้ามามี 2 ลักษณะ คือ 1.เพื่อต้องการช่วยเหลือกำลังพล 2.ต้องการช่วยเหลือชีวิตความเป็นอยู่ของคนแนวหน้า ซึ่งการบริจาคจะไม่ขอเป็นเงิน เพราะมีความยุ่งยากทางกฎหมาย แต่ถ้ายืนยันจะให้เงิน เพื่อส่งต่อไปให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทางกองทัพก็สามารถเป็นสะพานเชื่อมต่อให้
ส่วนเรื่องบริจาคยุทธภัณฑ์ ยืนยันไม่ทราบว่ามีการบริจาคเข้ามาด้วยเพราะเป็นเรื่องทางเทคนิคและราคาสูง แต่ที่ผ่านมากองทัพ ก็ไม่ได้ห้ามบริจาค เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับของบริจาค แต่คือกำลังใจว่า ยังมีคนนึกถึง
ผมเพิ่งรู้วันนี้ว่า "กัน จอมพลัง" จัดหาของที่สูงกว่ามาตรฐาน ที่กองทัพทั่วไปใช้ คือ ระดับ 4 ซึ่งในระดับ 4 เป็นสเปคที่สูง
กรรมาธิการได้ถามเพิ่มเติมว่า กองทัพได้มีการรับบริจาค ถุงเท้า รองเท้า น้ำ หรือไม่ และที่ผ่านมาเคยบอกว่า ไม่ได้ขาดแคลน เหตุใดจึงรับบริจาคสิ่งของจำนวนมาก พล.ต.วินธัย ชี้แจงว่า สำหรับกองทัพบกไม่มี แต่สำหรับหน่วยงานที่ปฏิบัติอยู่หน้างานมี ส่วนสิ่งก่อสร้าง ที่มูลนิธิต่าง ๆ ไปทำให้ หน่วยงานก็ไม่ได้เอากลับก็ตั้งอยู่ที่เดิม
ตามนโยบายไม่มีการรับบริจาค และพยายามบริหารงบประมาณให้ไปได้ แต่ก็มีหน่วยงานภายนอกที่แสดงน้ำใจ จึงได้รับไว้ ส่วนของที่บริจาคมา ก็เอาไปใช้ แต่อาจจะใช้ฟุ่มเฟือยหน่อย แต่ยืนยันว่าไม่ได้ขาดแคลน ส่วนเรื่องเงินบริจาคไม่มีนโยบายแน่นอน หากเห็นว่าเป็นการฉ้อโกงให้แจ้งความดำเนินคดีได้เลย
พล.ต.วินธัย ยังชี้แจงเรื่องแผ่นเกราะแข็งป้องกันกระสุนระดับ 4 ที่ "กัน จอมพลัง" บริจาคว่า ยืนยัน ไม่ได้รับรายงานเรื่องการขอชุดเกราะ เห็นจากสื่อ และจากคลิปที่มีการทดสอบ ก็ไม่ใช่การทดสอบของกองทัพ สมมติว่าสิ่งที่ "กัน จอมพลัง" ให้มาแล้วเกิดการใช้จริง อาจจะมีการทดสอบแล้วก็ได้ แต่กองทัพไม่อยากให้ใช้คำว่า ขาดแคลนเพราะไม่เคยพูดว่าขาดแคลน เสื้อเกราะอยู่ประจำการพลรบทุกคน เพียงแต่ใส่บ้างไม่ใส่บ้างและหากมีการขอเสื้อเกราะเพิ่มจริง ก็เป็นการเพิ่มเสื้อจากตัวเดียวเป็น 2 ตัว
อ่านข่าว : "ทนายเดชา" ชี้ "กัน จอมพลัง" อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมฯ-ฉ้อโกง ปมมูลนิธิ
"กัน จอมพลัง" นำเยาวชนหญิงแจ้งความ ตร. อ้างถูกกลุ่ม "ตังค์ไม่ออก" ล่วงละเมิดทางเพศ
"กัน จอมพลัง" พาแม่-ลูกขอความเป็นธรรม หลังถูกราดน้ำกรดเจ็บสาหัส











