เป็นพ่อลูกคู่ที่ 2 ที่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคทั้งคู่ เพราะก่อนหน้านี้ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้พ่อ ได้เป็นหัวหน้าพรรคมาก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนพ่อลูกตระกูลชินวัตร นายทักษิณ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นคู่แรกที่ได้เป็นหัวหน้าพรรคค่ายสีแดง แต่ชื่อคนละพรรค นายทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ส่วนลูกสาว เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
แต่ถึงแม้ไม่ใช่คนจากตระกูลชินวัตร แต่นายจุลพันธ์ก็ถือว่ามีความเหมาะสมกับพรรคเพื่อไทย เพราะด้านหนึ่ง ถือว่าเป็นคนใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตร มาตั้งแต่สมัยนายสมพงษ์ จะเรียกว่าเป็นตัวแทนก็ไม่ผิดนัก
ขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ได้รับการยอมรับ ในเรื่องความรู้ความสามารถและบทบาททางการเมือง จากทั้งรุ่นใหญ่ และรุ่นใหม่ในพรรค ที่อยากจะเห็นการเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ เข้าใจบริบทสังคม และยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะ หากเทียบกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อีกหนึ่งแคนดิเดตที่ถูกพูดถึง
รอยต่อสำคัญนับจากนี้ เป็นเรื่องที่นายจุลพันธ์ต้องแสดงศักยภาพ ทั้งฟื้นความเชื่อมั่นให้กับคนในพรรค ต้องยกเครื่องพรรค และรักษาความสมดุลระหว่างคนรุ่นอาวุโสกับคนรุ่นใหม่ในพรรคให้ปรากฏ
เพื่อเตรียมพร้อมนำพาลูกพรรคเข้าสู่สนามเลือกตั้ง สส.ที่จะมีขึ้นในอีกไม่นานจากนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรก ที่พรรคเพื่อไทยจะเข้าสู่วงไพบูลย์ ในฐานะพรรคอันดับรองๆ ไม่ใช่พรรคใหญ่ที่เป็น “เต็งหนึ่ง” เหมือนที่ผ่านมา
เพราะประเมินจากปัจจัยทั่วไปแล้ว โอกาสที่ “เลือดจะไหลออกจากพรรค” ยังมีอยู่สูง รวมทั้ง “บ้านใหญ่”ในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเคยเป็น”จุดแข็ง”มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย
ไม่ว่าจะเป็น “บ้านใหญ่” จ.ชลบุรี กาญจนบุรี อุบลฯ ขอนแก่น และอีกหลายจังหวัด แม้อาจจะทดแทนเข้ามาบ้าง อย่าง “บ้านใหญ่” กำแพงเพชร” ในสายของนายวราเทพ รัตนากร ที่มาปรากฏตัวในงาน
ด้วยบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนไป จึงน่าเป็นปัจจัยสำคัญ ที่นำไปสู่การเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค จากล่าสุดที่มีชื่อ นายสรวงศ์ เทียนทอง “ทายาทบ้านใหญ่” จ.สระแก้ว ไปเป็นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตเลขาธิการพรรคสมัย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กลับมาเป็นเลขาธิการพรรคอีกครั้ง
เนื่องจากชื่อชั้น คูเหลี่ยมทางการเมือง และบารมี น่าจะมากกว่านายสรวงศ์ และเชื่อว่า อาจจะโน้มน้าวและทำให้คนในพรรคที่ยังสองจิตสองใจ เกิดความเชื่อมั่น หรือแม้แต่เกรงใจ เพื่อยังคงไปต่อกับพรรค
ขณะเดียวก็จัดวางตัวบุคคลสำคัญๆ ในพรรค กระจายไปรับตำแหน่ง อาทิ รองหัวหน้าพรรค รองเลขาฯพรรค และกรรมการบริหารพรรค โดยถ้วนหน้า
อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นเพียงยกแรกของการเริ่มต้นเท่านั้น เพราะปัจจัยที่จะดึงดูดได้ดีและมีประสิทธิผลมากกว่า จะอยู่ที่แคทดิเดทนายกฯของพรรค 3 คน ที่ต้อง “ปัง” มากกว่า ตำแหน่งหัวหน้าพรรค
คาดว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างเลือกเฟ้น ทั้งคนวงในที่จะเป็นเสมือนสัญลักษณ์และตัวแทนกลุ่มตระกูล กับมืออาชีพแบบเทคโนแครต และอาจรวมถึงคนในพรรคที่มีศักยภาพพร้อมคุณสมบัติตรงตามจุดประสงค์ แค่รอวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการในโอกาสต่อไป
และคนที่จะ “เคาะ” เพื่อเพิ่มความขลังให้กับพรรค คงเป็นใครอื่นไม่ได้ นอกจากคนแถวๆเรือนจำคลองเปรม
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : "จุลพันธ์" เปิดใจยกเครื่อง "เพื่อไทย" เชื่อคว้าชัยเลือกตั้งครั้งหน้า
เผยโฉมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ 29 คน
"จุลพันธ์" นั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ "ประเสริฐ" เลขาฯ - "ศึกษิษฏ์" โฆษก