ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"สิงคโปร์" เดินเกมรุกปราบสแกมเมอร์ในกัมพูชา

สิ่งแวดล้อม
18:56
145
"สิงคโปร์" เดินเกมรุกปราบสแกมเมอร์ในกัมพูชา
สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีพลเมืองตกเป็นเหยื่อของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ และต้องสูญเงินไปปีละนับพันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ทำให้ทางการต้องเร่งเดินเครื่องกวาดล้างขบวนการนี้ รวมถึงติดตามตัวและยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องอีกหลายสิบคนในกัมพูชา

ความคืบหน้าเรื่องการปราบปรามขบวนการหลอกลวงออนไลน์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ตำรวจสิงคโปร์ร่วมมือกับกัมพูชาเปิดปฏิบัติการกวาดล้างสแกมเมอร์กลางกรุงพนมเปญ ซึ่งหลอกลวงชาวสิงคโปร์ให้สูญเงินไปมากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยผู้บงการอยู่เบื้องหลังก็เป็นชาวสิงคโปร์เช่นกัน

ข้อมูลตามรายงานของตำรวจสิงคโปร์ เป็นผลมาจากปฏิบัติการเมื่อเดือน ก.ย. โดยตำรวจสิงคโปร์และตำรวจกัมพูชาร่วมกันบุกทลายเครือข่ายศูนย์หลอกลวงออนไลน์ในกรุงพนมเปญ เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับคดีหลอกลวงออนไลน์อย่างน้อย 438 คดี รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 41 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือกว่า 1,000 ล้านบาท

เบื้องต้นตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยเอาไว้ได้ 15 คน ประกอบด้วยชาวสิงคโปร์ 12 คน ชาวมาเลเซีย 2 คน และชาวฟิลิปปินส์อีก 1 คน ก่อนจะสืบสวนขยายผลและเก็บหลักฐานเพิ่มเติม จนระบุตัวผู้ต้องสงสัยในขบวนการนี้เพิ่มอีก 34 คน เป็นชาวสิงคโปร์ 27 คน และชาวมาเลเซียอีก 7 คน

ขณะนี้ตำรวจอยู่ในระหว่างการติดตามตัวผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้ เชื่อว่าอยู่นอกสิงคโปร์ และขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่อง หากพบเบาะแสให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ หลังประสานองค์การตำรวจสากล หรือ INTERPOL ออกหมายจับแล้ว

ทั้งนี้ มีชาวสิงคโปร์ตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงออนไลน์ทุกเดือน ซึ่งข้อมูลล่าสุดบนเว็บไซต์ ScamShield ของทางการสิงคโปร์ ชี้ว่า เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ถูกหลอกกว่า 3,000 กรณี สูญเงินทะลุ 67 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือมากกว่า 1,600 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลข 9 เดือนแรกของปีนี้ มีผู้แจ้งเหตุเข้ามาแล้วมากกว่า 28,000 กรณี กับเม็ดเงินที่ถูกหลอกไปรวมไม่ต่ำกว่า 16,000 ล้านบาท

สิงคโปร์ติดตาม 34 ผู้ต้องสงสัยเอี่ยวสแกมเมอร์ในพนมเปญ

ขบวนการหลอกลวงออนไลน์ทำงานกันเป็นเครือข่ายข้ามชาติ คดีนี้ตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังเป็น 2 พี่น้องชาวสิงคโปร์ ซึ่งเริ่มธุรกิจมืดเมื่อปี 2567 โดยเปิดศูนย์สแกมเมอร์ที่กรุงพนมเปญของกัมพูชา อาชญากรกลุ่มนี้ใช้วิธีการปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหลอกเอาเงินเหยื่อที่หลงเชื่อ ซึ่งเป็นคนที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ จนการถูกหลอกในลักษณะนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์

ทางการสิงคโปร์เก็บสถิติความสูญเสียจากปัญหาสแกมเมอร์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า มีวิธีการหลอกเงิน 4 แบบ คือ การปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ การหลอกลงทุน หลอกทำงาน และอีเมลหลอกลวง โดยการปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเป็นวิธีที่ทำให้เหยื่อสูญเงินในแต่ละครั้งมากที่สุด ตกกรณีละเกือบ 1,800,000 บาท

ตามมาด้วยการหลอกลงทุน สูญเงินเฉลี่ยกรณีละมากกว่า 1,300,000 บาท ขณะที่มีชาวสิงคโปร์สูญเงินครั้งละมากกว่า 500,000 บาทจากการถูกหลอกทำงาน ส่วนอีเมลหลอกลวงตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาทต่อกรณี แต่ปัญหาในสิงคโปร์ไม่ได้พัวพันแค่กับขบวนการในประเทศเท่านั้น

สิงคโปร์ยึดทรัพย์ "ปรินซ์ กรุ๊ป" กว่า 3,000 ล้านบาท

ตำรวจสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ได้เข้าตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับ "ปรินซ์ กรุ๊ป" มูลค่ารวมมากกว่า 150 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 3,700 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งอสังหาริมทรัพย์ 6 แห่ง เงินสด บัญชีธนาคาร เรือยอช์ต 1 ลำ รถยนต์ 11 คัน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งสั่งห้ามการซื้อขายทรัพย์สินเหล่านี้ทั้งหมด เพื่อสอบสวนฐานต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงและฟอกเงิน

ก่อนหน้านี้ ตำรวจสิงคโปร์ได้รับข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ "เฉิน จื้อ" และพวก จากหน่วยงานติดตามธุรกรรมที่น่าสงสัยของสิงคโปร์แล้วตั้งแต่เมื่อปี 2567 พร้อมทั้งติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอข้อมูลและความช่วยเหลือสำหรับการสอบสวน ซึ่งพบว่ามีการก่ออาชญากรรมในต่างประเทศจริง

ถือเป็นอีกครั้งที่ "ปรินซ์ กรุ๊ป" ถูกอายัดทรัพย์สินครั้งใหญ่ นับตั้งแต่ที่สหรัฐอเมริกาประกาศริบทรัพย์เป็นบิตคอยน์มูลค่ามากถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 450,000 ล้านบาท ถือเป็นการยื่นขอริบทรัพย์มูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งตั้งข้อหา "เฉิน จื้อ" ฐานบังคับใช้แรงงานและฟอกเงิน เช่นเดียวกับอังกฤษที่อายัดอสังหาริมทรัพย์ 19 แห่ง ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ "เฉิน จื้อ"

ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารเกาหลีใต้ 4 แห่งที่ดำเนินกิจการในกัมพูชา อายัดเงินฝากของ "ปรินซ์ กรุ๊ป" มูลค่ารวม 91,200 ล้านวอน หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท เนื่องจากเผชิญการคว่ำบาตรจากหลายประเทศ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติมีผลประโยชน์มหาศาล ท่ามกลางความทุกข์ยากของผู้ที่ถูกหลอกลวง ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ทางการหลายประเทศไม่อาจนิ่งนอนใจได้ และต้องหาทางหยุดยั้งไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนเพิ่มขึ้น

อ่านข่าว : "ทรัมป์" หารือ "สี จิ้นผิง" ตกลงส่งแร่แรร์เอิร์ธ-ลดภาษีนำเข้าจีนเหลือ 47% 

เกาหลีใต้กระชับความร่วมมืออาเซียน ปราบอาชญากรรมข้ามชาติ 

"สม รังสี" วอน "ทรัมป์" ปราบอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา