ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทรัมป์เสียใจราชวงศ์อังกฤษเดินหน้าถอดพระยศ "เจ้าชายแอนดรูว์"

ต่างประเทศ
20:12
159
ทรัมป์เสียใจราชวงศ์อังกฤษเดินหน้าถอดพระยศ "เจ้าชายแอนดรูว์"
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเริ่มถอดพระอิสริยยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมดของอดีตเจ้าชายแอนดรูว์ ปมอื้อฉาวกับเจฟฟรีย์ เอปสตีน ด้าน ปธน.ทรัมป์ แสดงความเสียใจต่อราชวงศ์ โดยพรรคเดโมแครตเรียกร้องเปิดเอกสารคดีเอปสตีนเพิ่ม

วันนี้ (3 พ.ย.2568) สถานการณ์ในราชวงศ์อังกฤษยิ่งตึงเครียด เมื่อสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงมีพระราชดำริให้เริ่มกระบวนการถอดถอนฐานันดรศักดิ์ พระอิสริยยศ และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมดของอดีตเจ้าชายแอนดรูว์ อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นจุดจบของตำแหน่งในราชสำนักที่เคยรุ่งโรจน์ หลังจากประเด็นอื้อฉาวหลายครั้ง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจฟฟรีย์ เอปสตีน มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่ถูกตัดสินผิดฐานค้าประเวณีและล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาว

สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ สมเด็จพระราชินีคามิลลา ทรงแสดงพระราชหฤทัยอันสุดซึ้ง โดยมีพระราชประสงค์ให้ประชาชนทราบว่า ทรงห่วงใยผู้เสียหายและผู้รอดพ้นจากการล่วงละเมิดทุกรูปแบบอย่างยิ่งยวด ซึ่งเป็นการยืนยันจุดยืนของราชวงศ์ในการต่อต้านความอยุติธรรม

ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษยืนยันว่าจะดำเนินการถอดยศทางการทหารยศสุดท้ายของแอนดรูว์ คือ "พลเรือโท" (Vice Admiral) ออกจากกองทัพอังกฤษ โดยยศทหารอื่น ๆ ถูกถอดไปตั้งแต่ปี 2565 แล้ว นับเป็นก้าวสำคัญในการล้างมลทินให้กับสถาบันกษัตริย์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนมานาน

ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้แสดงความเห็นระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อ หลังถูกถามถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งกับสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นที่หายากจากผู้นำสหรัฐฯ ต่อเรื่องภายในราชวงศ์อังกฤษ

ทรัมป์ยังยอมรับว่าเคยสนิทสนมกับเอปสตีนมานานหลายปี แต่ทั้งคู่ "ผิดใจกัน" ก่อนที่เอปสตีนจะถูกดำเนินคดีในปี 2562 ซึ่งการกล่าวเช่นนี้ยิ่งจุดชนวนเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนและนักการเมืองอเมริกัน โดยเฉพาะสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันบางส่วนที่เรียกร้องให้รัฐบาลกลางเปิดเผยเอกสารลับที่เกี่ยวข้องกับคดีเอปสตีนทั้งหมด เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงกับบุคคลสำคัญทั่วโลก รวมถึงแอนดรูว์ที่เคยถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิด

นักวิเคราะห์การเมืองชี้ว่า กรณีนี้ไม่เพียงสะเทือนราชวงศ์อังกฤษเท่านั้น แต่ยังลุกลามสู่เวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่คดีเอปสตีนถูกมองเป็น "ระเบิดเวลา" มาตั้งแต่ปี 2562 นายจอห์น ดูฮิกกี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่าเรากำลังพิจารณาการเปิดเผยเอกสารเพิ่มเติมเพื่อความโปร่งใส แต่ต้องคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคล ขณะที่พระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์ยืนยันการดำเนินการตามพระราชดำริ โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องผู้เสียหายและฟื้นฟูชื่อเสียงของราชวงศ์

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสต่อต้านอื้อฉาวทางเพศในสังคมตะวันตกที่รุนแรงยิ่งขึ้น โดยแอนดรูว์ซึ่งเคยเป็นที่รักของประชาชน ต้องเผชิญคดีแพ่งในสหรัฐฯ เมื่อปี 2565 จากผู้เสียหายรายหนึ่งที่กล่าวหาว่าเขาล่วงละเมิดเธอตอนอายุ 17 ปี ซึ่งแอนดรูว์ปฏิเสธ ส่งผลให้ต้องจ่ายค่าชดเชยกว่า 12 ล้านปอนด์เพื่อยุติคดี

ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการถอดยศทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ ช่วยให้ราชวงศ์ก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้ แต่ก็ทิ้งคำถามถึงอนาคตของสมาชิกราชวงศ์ที่เหลือ โดยเฉพาะในยุคที่ความโปร่งใสและความยุติธรรมเป็นประเด็นหลัก

อ่านข่าวอื่น :

ทบ.แจงถอนอาวุธหนักยังมีอาวุธยิงระยะสั้น ปล่อย 18 กัมพูชาถ้าลดปฏิปักษ์

เกาหลีใต้ลุยสอบภาษีบริษัทเอี่ยว "ปรินซ์ กรุ๊ป" โยงสแกมเมอร์กัมพูชา