ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

นายกฯ ยันยุบสภาฯ ตาม MOA 31 ม.ค. รับขอให้ "วรภัค" ลาออกหลังถูกข้อครหา

การเมือง
12:51
115
นายกฯ ยันยุบสภาฯ ตาม MOA 31 ม.ค. รับขอให้ "วรภัค" ลาออกหลังถูกข้อครหา
อ่านให้ฟัง
11:18อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"อนุทิน"​ ยันไม่ว่าจะมีเหตุการณ์​อะไรเกิดขึ้นยุบสภาฯ ตาม​ MOA​ กับพรรคประชาชน ลั่น​ ไม่ให้ยื่นซักฟอกมาด่าเล่น​ มอง​ ยุบก่อนกำหนด​ 1 เดือนไม่ต่างอะไร​ แจง ไทยไม่ใช่ศูนย์กลางสแกมเมอร์ ยันเดินหน้าปราบเต็มที่ ยอมรับ ขอให้ "วรภัค" ลาออกเอง

วันนี้ (5 พ.ย.2568) นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย แสดงวิสัยทัศน์ ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ในหัวข้อ "Thailand’s Next Frontier : A National Economic Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทยในโลกใหม่"

นายอนุทิน กล่าวถึงความรู้สึกหลังดำรงตำแหน่งครบ 1 เดือน ว่าได้พยายามผลักดันทุกนโยบายและเป้าหมายที่วางไว้ให้บรรลุผลโดยเร็วที่สุด เนื่องจากมีเวลาเพียง 4 เดือนในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มรูปแบบ หรืออำนาจเต็ม ซึ่งก่อนที่จะเข้ามาคงจะเห็นว่า พวกตนก็นั่งเร่งประชุมกับทีมงาน และตั้งกรอบการทำงานเอาไว้ว่า 4 เดือน​ จะได้เป็น 4 เดือนที่ทำงานอย่างเดียว และสิ่งที่ทำเรื่องทำได้ก็ต้องเร่งทำและสิ่งใดที่ทำไม่ได้ก็ต้องรอรัฐบาลใหม่มา

โดยมุ่งเน้นในเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบควิกวินจึงเป็นที่มาของ Quick Big​ Win ในการแก้ไขปัญหาความมั่นคง ที่เรามีประเด็นอยู่กับประเทศเพื่อนบ้าน​ที่ต้องเร่งฟื้นฟูและเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเสียหาย จากความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน การปะทะกันและภัยธรรมชาติ

สำหรับกระแสข่าวเกี่ยวกับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งว่าจะครบ 4 เดือนจริงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า การยุบสภาจะเป็นไปตามข้อตกลง (MOA) ที่ทำไว้กับพรรคประชาชน ไม่เคยเปลี่ยนความคิด​ โดยยืนยันว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขอยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าจะยุบสภาตามสัญญา ยอมรับว่าพรรคประชาชนทำให้ตนได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นเราก็ต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพรรคประชาชน เมื่อครบ 4 เดือนก็ต้องยุบสภาฯไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น

ส่วนที่มีการมีกระแสข่าวว่าจะเลื่อนการยุบสภาฯ​ ซึ่งอาจเกิดก่อนเพื่อไม่ให้เกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ​นั้น​ นายอนุทิน​ ระบุว่า เป็นเรื่องที่ต้องดูสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา การอภิปรายไม่ไว้วางใจ​ วัตถุประสงค์คืออะไร หากมีวัตถุประสงค์มาทำเพื่อให้เกิด การล้างแค้น​ การเอาคืน ซึ่งตามไทม์ไลน์ เมื่อสภาฯ เปิดเดือน ธ.ค.ตนก็ตั้งใจ จะยุบสภา 31 ม.ค.อยู่แล้ว ตนคงไม่ปล่อยให้ใครมาด่ารัฐบาลเล่นๆ ฟรีๆ ถ้าเป็นเกมการเมืองแล้วรัฐบาลสู้เกมการเมืองไม่ได้​ ก็ยุบสภาไป

ห่างกันแค่เดือนเดียวคงไม่ได้เกิดความแตกต่างอะไรมากนัก เราจะไปตื่นเต้นกับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้​

นายอนุทิน ยังระบุว่าตนมั่นใจคือสิ่งที่ทำใน 4 เดือนคือตั้งใจอย่างเต็มที่​ ที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้บ้านเมือง โดยทีมงานมืออาชีพที่ตนได้ทำเข้ามา รัฐมนตรีเหล่านี้เสียสละมากเพราะหากอยู่ในที่เดิม​ ทั้งรายได้ บทบาท​ อนาคต แต่ตนก็ไปพูดให้เขาฟังว่า​ ถ้าเขามาทำแล้วเปลี่ยนบริบทประเทศไทยได้​ สร้างมาตรฐานใหม่ในการบริหารราชการแผ่นดิน​ ไม่มีระบบโควตา ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น​ และมีความหวัง เราก็น่าจะทำประเทศไทยให้ทุกอย่างเปลี่ยนได้ชั่วข้ามคืน​ ถ้าเราตั้งใจที่จะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมจริงๆ เอาความเป็นส่วนตัวออกไป​ หรือประโยชน์ส่วนตัวออกไปเมื่อไหร่​ คำว่าพรรคพวกออกมาได้ประเทศไทยกลับมาได้เร็ว 

เมื่อถามว่า​พร้อมกันเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่นายอนุทิน​ ย้อนถามกลับว่า​ หากถามว่าตนพร้อมหรือไม่ ตนพร้อมตั้งแต่เขาเอาผมออกจากรัฐบาลแล้ว​ พร้อมก่อนหน้านั้นแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องเลือกตั้ง​ ถ้าไปถามสมาชิกพรรคภูมิใจไทย วันที่เข้าสภามาเมื่อปี 2566 หลังจากที่ กกต.​ รับรองผลการเลือกตั้ง ตนได้แจ้งให้สมาชิกทราบว่าเตรียมตัวเลือกตั้งตั้งแต่วันแรก​ เพราะมันเกิดขึ้นได้ทุกวัน​ ตนปลูกฝังคนพรรคภูมิใจไทยว่าเลือกตั้งเกิดขึ้นได้เสมอ ต้องพร้อมถ้าพรุ่งนี้เลือกตั้งก็ต้องไปเลือกตั้ง

ทั้งนี้นายอนุทิน​ ยอมรับว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องพร้อม ตอนแรกยังไม่ได้เป็นก็กล้าๆ กลัวๆ​ แต่มาเป็นแล้วก็เห็นว่าสิ่งที่ทำได้ทำให้กับประชาชน ในฐานะนายกรัฐมนตรีถ้าเราทำได้ดีจะเป็นยาวหรือสั้น ไม่ได้มีความสำคัญสำหรับตน เป็นแล้วก็คือเป็น พร้อมกล่าวว่าสมัยตั้งแต่ปี 2547 -​ 2549 ที่ตนเป็นรัฐมนตรี และมีการรัฐประหาร ตนก็ออกไปตั้ง 13 -​ 14 ปี คนที่รู้จักตน แม้ไม่ได้สนิทเป็นเพื่อน เขาก็เรียกตนว่ารัฐมนตรีทุกคำ

วันนี้ต่อให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรีแค่ 3-4 เดือน​ จากนี้ไปคนเหล่านั้นก็คงเรียกตนว่านายกรัฐมนตรีเหมือนที่ตนเรียกนายอภิสิทธิ์​ เวชชาชีวะ​ และนายทักษิณ​ ชิน​วัตร​ ว่านายกรัฐมนตรี เมื่อทำอะไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบ้านเมือง​ หรือเป็นภาพจำของประชาชนจะได้กลับหรือไม่ได้กลับไม่ใช่เรื่อง​ แต่สามารถบอกตัวเองได้แล้วว่า​ขณะที่เราเป็นนายกรัฐมนตรีได้ทำประโยชน์อะไรบ้าง

แจงไทยไม่ใช่ศูนย์กลางสแกมเมอร์ 

นายอนุทิน กล่าวถึงแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์​ ที่ไทยถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางการฟอกเงิน ยืนยันว่าไทยประเทศไทยไม่ใช่ศูนย์กลางของสแกมเมอร์แต่ประเทศไทยดันอยู่ตรงกลางในรอบๆ ประเทศที่สามารถทำสแกมเมอร์ได้ การที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดในภูมิภาคและค่าเงินบาทก็ยังเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ​ จึงเป็นที่เชื่อถือในการแลกเปลี่ยนเงินตรา​ จึงมองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่รองรับได้ดีที่สุดกับธุรกิจที่เป็นสีดำไม่ใช่เทาเท่านั้น

"จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายที่เคร่งครัดมีเจ้าหน้าที่ที่ตั้งใจในการปราบปรามสิ่งเหล่านี้ ซึ่งมีกลไกทั้งหมด​ และได้ทำหน้าที่ไปมากแล้ว​ แต่เป็นการปฏิบัติในเชิงลับ​ จะไล่ตามเป็นตำรวจจับโจรไม่ได้ ตนบอกไปหมดแล้วว่า 4 เดือนนี้อยากได้เครื่องมืออะไรในการปราบปรามสแกมเมอร์ ก็ขอให้บอกมารัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่"

สำหรับการตั้งคำถามถึงอดีต รมช.คลังว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าท่านถูกครหาแต่ยังไม่ได้ถูกกล่าวหา และยังไม่ได้มีหลักฐานใดๆ หรือหน่วยงานไหนทั้งไทยและต่างประเทศที่ดำเนินคดี แต่เมื่อมีข่าวออกมาเรื่อยๆ

ก็ยอมรับว่าตนเป็นคนไปบอกให้ท่านลาออก ซึ่งท่านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะในขณะนั้นเรากำลัง จะต้องใช้กลไก กระทรวงการคลังในการปราบปรามสิ่งเหล่านี้ ท่านก็แสดงสปิริตทันที แค่ย้ำว่าถ้าท่านไม่ผิดก็คือไม่ผิด การใช้กฎหมายในรัฐบาลชุดตนคือมุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมรูปคดีไม่ใช่เกลียดคนนี้ไม่ชอบคนนี้หรือคู่แข่งทางการเมืองต้องพยายามเอาเข้ามาให้ได้อย่างที่พวกตนเคยโดนมา

"อนุทิน"​ จ่ออนุมัติคนละครึ่งพลัสเฟส​ 2 ปลาย ธ.ค.นี้​

นายอนุทิน​ ยังกล่าวถึงประเด็นเศรษฐกิจ ความสามารถในการแข่งขัน ในช่วงเวลา 4 เดือนนี้ โฟกัสนโยบาย Quick Big Win ซึ่งได้ทีมเศรษฐกิจ รองนายกรัฐมนตรี ทั้ง 3 ท่าน มีความเข้าใจกลไกของรัฐ เป็นอย่างดี และเป็นผู้ปฏิบัติซึ่งเราเน้นเรื่องปากท้องประชาชนสำคัญที่สุด เช่น นโยบายคนละครึ่งพลัส​

ส่วนที่ก่อนหน้านี้ถูกกล่าวหาว่าเลียนแบบคนอื่น นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่าไม่เคยคิดถึงตรงนั้น คิดแค่เพียงว่าประชาชนได้อะไร หากประชาชนได้ และ กระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะกี่เปอร์เซ็นต์มันก็คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ และที่สำคัญคือการมีเม็ดเงินในระบบ ไม่ใช่การแจกฟรี ประชาชนมีส่วนร่วม ส่วนประชาชนที่อยู่ชายขอบ มีโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเติมเงินเข้าไปให้ ซึ่งก็ win-win จำนวนเงินที่ทุกคนจะได้เท่ากัน เฉลี่ยประมาณ 2,000 บาท ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขวัญกำลังใจคนในประเทศดีขึ้น เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่อย่างน้อย 4 เดือนก็ได้ทำ

ซึ่ง รมว.คลังก็เดินหน้าเรื่องการแก้หนี้ครัวเรือน พยายามปรับโครงสร้างหนี้ไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับผู้นำประชาชนที่หาเช้ากินค่ำทั่วไปถือเป็นสิ่งที่มีความหมายและความมีความสำคัญ

ขณะที่ รมว.พลังงาน เดินหน้านโยบายไฟฟ้าชุมชน ทั้งหมด 1,500 เมกะวัตต์ทั่วประเทศ และ ชุมชนละไม่เกิน 5 เมกะวัตต์ หากใช้ไม่ถึงก็สามารถขายคืน นำเงินนั้นมาเป็นกองทุนหมู่บ้าน ต้องทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจบริบทคำว่า green economy เราต้องสร้างความคุ้นเคยเรื่องนี้ให้ได้ เพราะสมัยนี้เราต้องอยู่ในโลกที่กติกาใหม่ เราต้องรักธรรมชาติให้มากที่สุด สร้างความเป็นมิตรให้โลก สร้างการแข่งขันบนเวทีโลก โดยที่รัฐบาลนี้ สร้างพื้นฐานไว้ให้รัฐบาลในอนาคต นำไปต่อยอด

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ได้ดำเนินการไปแล้วในช่วงที่เข้ามาเป็นรัฐบาลภายใน 3 สัปดาห์ ส่วนคนละครึ่งพลัสในเฟสที่ 2 นั้น คาดว่าจะทำได้ในช่วงครึ่งหลังของเดือน ธ.ค. ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จก่อนยุบสภา

นอกจากนี้ยังมีการผลักดันค่าโดยสารขนส่งสาธารณะ ที่ต่อยอดมาจากรัฐบาลชุดก่อน และยกระดับความเป็นอยู่ทำให้ปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น

อ่านข่าว :

ครม.ตั้ง "ธนดล" เป็น ขรก.การเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ

"รังสิมันต์" ยัน ปชน.ไม่เคยสั่งให้นำเงินผู้ช่วย สส. จ่ายค่าสมาชิกพรรค