ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เหตุใด Gen Z เมียนมาย้ายประเทศ เลือกตั้งเมียนมาเป็นความหวังหรือไม่

สังคม
13:46
74
เหตุใด Gen Z เมียนมาย้ายประเทศ  เลือกตั้งเมียนมาเป็นความหวังหรือไม่
อ่านให้ฟัง
07:39อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
การเลือกตั้งทั่วไปเมียนมาเฟสแรกปลายเดือนธันวาคมนี้ จะเป็นความหวังให้กับคนหนุ่มสาวชาวเมียนมาหรือไม่ หลังเผชิญปัญหาและความท้าทายต่างๆ มาตั้งแต่รัฐประหาร ปี 2564

เคลื่อนย้าย-ชะงักงัน-ความกังวล : ความท้าทาย Gen Z เมียนมา

ช่วงเดือนสิงหาคม ถึง ตุลาคม 2568 โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP เผยแพร่รายงานต่อเนื่องกัน 3 ฉบับ เนื้อหาเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่เป็นความท้าทายและปัญหาที่กลุ่มคนหนุ่มสาวชาวเมียนมา ช่วงอายุ 18-35 ปี (Gen Z) ต้องเผชิญหลังเหตุการณ์รัฐประหารในเมียนมา พ.ศ.2564

“A Generation on the Move” “A Generation on Hold” และ “A Generation on Edge” คือ รายงาน 3 ฉบับที่ UNDP เผยแพร่ช่วงเดือนสิงหาคม ถึง ตุลาคม 2568

รายงาน 3 ฉบับ เผยแพร่โดย UNDP เกี่ยวกับปัจจัยความท้าทายและปัญหาที่กลุ่มคนหนุ่มสาวชาวเมียนมาเผชิญ

รายงาน 3 ฉบับ เผยแพร่โดย UNDP เกี่ยวกับปัจจัยความท้าทายและปัญหาที่กลุ่มคนหนุ่มสาวชาวเมียนมาเผชิญ

รายงาน 3 ฉบับ เผยแพร่โดย UNDP เกี่ยวกับปัจจัยความท้าทายและปัญหาที่กลุ่มคนหนุ่มสาวชาวเมียนมาเผชิญ


กลุ่มตัวอย่างหนุ่มสาวชาวเมียนมากว่า 7,000 คน ในปี 2567 สะท้อนสภาพที่กำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ ประเทศเมียนมาตกอยู่ในสถานการณ์ความขัดแย้ง ความไร้หวังจากวิกฤตการศึกษาที่ส่งผลต่อการจ้างงาน

หนุ่มสาวหลายล้านคนเผชิญกับภาวะการชะงักงัน ไม่สามารถเรียนรู้ ไม่มีงานทำ หรือสร้างอนาคตของตนเองได้ บางส่วนตัดสินใจหลบหนีไปมีชีวิตใหม่ในประเทศที่ 3 เพราะไม่ต้องการเผชิญกับการถูกบังคับเกณฑ์ทหาร

ตั้งแต่พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา หนุ่มสาวชาวเมียนมา อายุระหว่าง 18-35 ปี ประมาณ 300,000 - 500,000 คน อพยพไปต่างประเทศ หนึ่งในนั้นคือ ประเทศไทย

ผลการวิจัยของ UNDP เผยให้เห็นว่า 4 ใน 10 คน จะย้ายถิ่นฐานหากได้รับโอกาส เช่นเดียวกับผู้ที่มีการศึกษาสูงที่มีแนวโน้มตัดสินใจย้ายถิ่นฐานมากที่สุด

ในพ.ศ. 2567 เพียงปีเดียว มีชาวเมียนมาประมาณ 1,300,000 คน เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ในจำนวนนี้ เกือบ 1 ใน 3 แสดงเจตนาที่จะพำนักอยู่ประเทศไทยในระยะยาว ด้วยความใฝ่ฝันที่อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม แม้ว่าการลักลอบเข้ามาในประเทศไทยจะต้องใช้เส้นทางที่ผิดกฎหมายและอันตรายก็ตาม

Gen Z เมียนมา กับการเลือกตั้งในรอบ 4 ปี

รศ.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า ความไม่สงบในเมียนมา เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการอพยพของหนุ่มสาวเมียนมาอย่างต่อเนื่อง


เขาต้องการชีวิตทำมาหากินที่ดีขึ้น เมียนมาเต็มไปด้วยสงครามกลางเมือง ดังนั้น ก็ไปใช้ชีวิตในประเทศอื่นซึ่งอาจจะมีค่าแรงที่ดีกว่า หรืออย่างน้อยปลอดภัยกว่า ไม่ว่าจะในต่างประเทศหรือประเทศเพื่อนบ้าน ที่ไม่มีสงครามไฟลุกโชนแบบพม่า หนีมาหาชีวิตใหม่ แสงตะวันใหม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายสิบปีมาแล้วที่คนเมียนมาอพยพเข้ามาในค่ายผู้ลี้ภัยเป็นระลอก คิดว่าคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ไปตามเครือข่ายของผู้อพยพกลุ่มเดิมๆ ก็มีการส่งข่าวกัน เป็นเรื่องของเศรษฐกิจ เรื่องของการใช้ชีวิต

แต่ความท้อแท้ เหนื่อยใจว่าเมียนมาอาจไม่มีทางเจริญ ถ้าทหารไม่ออกจากการเมือง ถ้าเขายังล้มทหารไม่ได้ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่อื่น ไปบ่มเพาะกำลัง สะสมในพื้นที่ที่ปลอดภัยก่อน พร้อมก็อาจจะค่อยเข้าไปต่อสู้กับทหารเมียนมาอีกที ถ้ามีความหวัง มีช่องทางสู้ นี่เป็นอีกมุมมองจากนักวิชาการ ม.ธรรมศาสตร์

สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปเมียนมาเฟสแรกที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ รศ.ดุลยภาคมองว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาไม่ว่าจะเป็นช่วงชั้นไหน จะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก จะมีลักษณะยอมโอนอ่อนกับการเลือกตั้ง ถ้ามีช่องในการเจรจาในเรื่องกรอบสันติภาพ ก็อาจจะตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการ และ อีกกลุ่มคือกลุ่มหัวรุนแรง คือไม่เจรจา ยึดมั่นว่าทหารเมียนมาต้องถูกกำจัดออกไป


ผมก็เชื่อว่า เยาวชนหนุ่มสาว เขาน่าจะแบ่งออกเป็นสองส่วน
รศ.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มธ.

รศ.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มธ.

รศ.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มธ.

อีกเรื่องที่น่าจับตามอง คือ การใช้ชีวิตของเยาวชนหนุ่มสาว Gen Z จะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งประเด็นนี้ เขาเป็นผู้หนีภัยสงครามภายในประเทศ หรือ เขาอาจจะอยู่เมืองหนึ่ง แล้วอาจจะตีกับทหารเมียนมา แล้วไปสร้างเครือข่ายกำลังรบกับแนวร่วมกับกองทัพประชาชน ในบริเวณอื่นๆ อพยพไปมาขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์ทางการทหาร นี่คือกลุ่มผู้ที่ต้องอพยพภายในประเทศ

อีกกลุ่มคือผู้ที่เข้าไปอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย ตามตะเข็บชายแดนเมียนมา ไทย อินเดีย หรือเข้าไปอยู่ในประเทศไทย ไปทำมาหากินถูกกฎหมาย-ผิดกฎหมาย นี่คือ Gen z อีกกลุ่มหนึ่งของเมียนมา ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นพื้นที่ที่เขาจะใช้เป็นแหล่งเคลื่อนไหว

เมื่อถาม รศ.ดุลยภาค ว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นจะส่งผลอย่างไรต่อหนุ่มสาวเมียนมา อาจารย์มองว่า เป็นไปได้หลายทาง เช่น ทางหนึ่ง การเลือกตั้งอาจช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของสงครามกลางเมือง แต่หากต้องการให้จบจริงๆ ต้องเป็นการเจรจาสันติภาพทั่วประเทศ แล้วก็คุยกันว่า เมียนมาจะปกครองแบบประชาธิปไตยหรือไม่


คำถามก็คือ การเลือกตั้ง มันเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียด แต่อีกด้านหนึ่งมันเป็นการเปลี่ยนการสร้างความชอบธรรม ให้กับเผด็จการในการแปลงรูปการเลือกตั้งแล้วครองอำนาจได้อีก

 

สำหรับการเลือกตั้งในประเทศเมียนมาเฟสแรก จะจัดขึ้นในวันที่ 28 ธันวาคม 2568 โดยจะจัดเฉพาะเขตพื้นที่ที่รัฐบาลทหารพม่าควบคุมได้เบ็ดเสร็จ ซึ่งมีรายงานว่า จะเกิดขึ้นใน 102 อำเภอ จากทั้งหมด 330 เขตทั่วประเทศ เพราะบางพื้นที่ยังคงเผชิญกับสงครามกลางเมือง

สำหรับเขตพื้นที่ที่ยังไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ อาจารย์สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประเมินว่า อาจเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ยังส่งผลให้มีการอพยพของหนุ่มสาวชาวเมียนมาเข้าสู่ประเทศที่ 3 อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานี้