เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2568 CNN รายงาน วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณฉบับสำคัญเมื่อคืนวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อยุติภาวะ "ชัตดาวน์" ของรัฐบาลกลางที่ดำเนินมากว่า 41 วัน ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
ผลการลงมติสะท้อนการประนีประนอมระหว่าง 2 พรรค โดยได้คะแนนเสียง 60 ต่อ 40 ซึ่งมากพอที่จะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาได้สำเร็จ จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดจากวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตสายกลาง 8 คนที่ตัดสินใจข้ามขั้วมาร่วมโหวตกับรีพับลิกัน เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ขณะที่ แรนด์ พอล วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน เป็นเพียงคนเดียวที่ลงคะแนนคัดค้าน
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจภายในพรรคเดโมแครต เนื่องจากไม่สามารถผลักดันการขยายเงินอุดหนุนสำหรับกฎหมายประกันสุขภาพ ACA (Affordable Care Act) ได้สำเร็จ เงินอุดหนุนดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ชาวอเมริกันรายได้ต่ำสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล แต่กำลังจะหมดอายุในไม่ช้า การไม่ต่ออายุเงินช่วยเหลือนี้อาจทำให้เบี้ยประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ
ฝ่ายซ้ายของพรรคเดโมแครตโจมตีการตัดสินใจของผู้นำพรรค ชัค ชูเมอร์ ที่เปิดทางให้กลุ่มสายกลางบรรลุข้อตกลงโดยไม่มีเงื่อนไขหลักใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ขณะที่ฝ่ายสายกลางให้เหตุผลว่า การเปิดรัฐบาลเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจ และพวกเขาได้รับ "คำมั่นไ จากทำเนียบขาวว่าจะมีการพิจารณาร่างกฎหมายด้านสุขภาพในภายหลัง
การหยุดทำการของรัฐบาลยาวนานกว่าหนึ่งเดือนทำให้บริการสำคัญหลายอย่างหยุดชะงัก ทั้งโครงการอาหารสำหรับสตรีและเด็ก (WIC) การช่วยเหลือทหารผ่านศึก และการจ่ายเงินเดือนให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางหลายแสนคน ซึ่งจะกลับมาดำเนินการได้อีกครั้งหลัง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในร่างกฎหมายนี้
ขณะนี้ร่างกฎหมายถูกส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคาดว่าจะมีการพิจารณาในวันพุธนี้ (12 พ.ย.) หากผ่านความเห็นชอบ รัฐบาลกลางจะกลับมาเปิดทำการอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง และหน่วยงานต่าง ๆ จะได้รับงบประมาณเพียงพอจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2569 แม้จะมีสัญญาณบวกจากทรัมป์ที่กล่าวว่า "เราจะเปิดประเทศของเราอีกครั้งอย่างรวดเร็ว" แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าการต่อสู้เรื่องงบประมาณรอบใหม่อาจจะเกิดขึ้นอีกในสิ้นเดือน ม.ค. นี้
อ่านข่าวอื่น :
ผู้บริหาร BBC ออกยกชุด "ทรัมป์" ขู่ฟ้อง 1,000 ล้าน ปมตัดต่อคำพูดบิดเบือน











