วันนี้ (11 พ.ย.2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ครั้งที่14/2568 ว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ รมว.กลาโหม และ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงแล้ว ซึ่งแนวทางต่างๆ มาจากที่ประชุม สมช. ดังนั้นการที่นายกฯ มอบหมายให้รัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ เป็นผู้ชี้แจง จะเป็นช่องทางการสื่อสารไปสู่ประชาชนได้ตรงและไม่คลาดเคลื่อน
ส่วนข้อสั่งการของนายกฯ เป็นการเตรียมความพร้อม คาดการระงับควมร่วมมณ์ถึงสถานการณ์ที่อาจมีทั้งดีและไม่ดีในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ยังไม่ได้สั่งการอะไรที่จะทำให้เกิดความตื่นตระหนก เป็นเพียงการกำชับและเตรียมความพร้อมกรณีมีเหตุเท่านั้น
ทั้งนี้ ไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา และไม่มีเดดไลน์ แต่กระทรวงกลาโหมจะประเมินไปเรื่อยๆ จนกว่าความเป็นปฏิปักษ์ของกัมพูชาจะลดลง
นายสิริพงศ์ กล่าวอีกว่า การที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่กัมพูชาวางไว้ในดินแดนไทย เป็นการแสดงให้เห็นว่าความเป็นปฏิปักษ์ของกัมพูชาที่มีต่อประเทศไทยยังคงอยู่ ดังนั้นจึงยังไม่มีกรอบเวลาว่าจะดำเนินการอย่างไร และข้อตกลงเก่าๆ หลายอย่างทั้งคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่ต้องมีความร่วมมือกันต้องงดไป
ส่วนไหนที่ไทยดำเนินการได้เองจะดำเนินการ แต่ที่ต้องขอความร่วมมือกับกัมพูชาต้องงดไป แต่สุดท้ายหากไม่ได้รับการตอบสนอง สมช.จะเป็นผู้ประเมินอีกครั้ง ซึ่งเป็นแนวทางในการปฏิบัติการวันนี้ จึงคิดว่าเป็นการโต้ตอบพอสมควร รวมถึงเรื่องแรงงาน ที่ทำให้เห็นในเชิงสัญลักษณ์ว่าการต่อขยายอายุแรงงานที่หมดอายุ เดิมทีมีเข้ามา 4 ชาติคือ ไทย ลาว กัมพูชาและเวียดนาม แต่ขณะนี้ตัดกัมพูชาออกไปจึงเหลือเพียง 3 ชาติ
หากมีทหารได้รับบาดเจ็บหรือเหยียบทุ่นระเบิดอีก จะมีมาตรการตอบโต้ที่รุนแรงกว่านี้หรือไม่นั้น นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นการวางแผนยุทธศาสตร์และดำเนินการทุกอย่างจากฝั่งกระทรวงกลาโหม ฉะนั้นแนวทางเหล่านี้จะไม่ออกจากฝั่งบริหาร เพราะเป็นเรื่องของทางราชการ จึงให้ฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งนายกฯ ยินดีสนับสนุนก็ถือว่าไฟเขียว
อ่านข่าว
มติ สมช.ระงับปฏิญญากัมพูชา งดส่ง 18 เชลยชี้วางทุ่นระเบิดละเมิดอธิปไตย
"อนุทิน" ชะลอลงนาม ให้แรงงานกัมพูชาใบอนุญาตหมดอายุอยู่ในประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษ
มทภ.2 เยี่ยมให้กำลังใจ "ทหาร" บาดเจ็บเหตุเหยียบทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย











