วันนี้ (12 พ.ย.2568) CNN รายงาน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณชั่วคราว เพื่อเปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางอีกครั้งอย่างเป็นทางการ หลังการชัตดาวน์ยืดเยื้อถึง 43 วัน ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐอเมริกา การลงนามเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังสภาผู้แทนราษฎรลงมติ 222 ต่อ 209 เสียง ผ่านร่างข้อตกลงระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครตสายกลางในวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้รัฐบาลเดินหน้าต่อได้ถึงเดือนมกราคมปีหน้า และบางหน่วยงานได้รับงบประมาณจนสิ้นปีงบประมาณ 2569
ดีลครั้งนี้ยังรวมถึงมาตรการยกเลิกการเลิกจ้างข้าราชการจำนวนมากที่เกิดขึ้นระหว่างชัตดาวน์ พร้อมคืนเงินเดือนค้างจ่าย และฟื้นบริการอาหารและโภชนาการที่ประชาชนหลายสิบล้านคนพึ่งพาอยู่ ทรัมป์ประกาศระหว่างพิธีลงนามว่า "นี่คือชัยชนะของประชาชนอเมริกัน เราจะไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามใช้การขู่กรรโชกเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกต่อไป" เขายังโจมตีกลุ่มหัวรุนแรงในพรรคเดโมแครตว่า พยายามสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเพื่อหวังผลทางการเมือง
พิธีลงนามภายในทำเนียบขาวมีสมาชิกรัฐสภาจากพรรครีพับลิกันหลายคนเข้าร่วม โดยถือเป็นบทสรุปของการเจรจามาราธอน 4 วัน หลังวุฒิสมาชิกเดโมแครต 8 คนแตกแถวโหวตร่วมกับรีพับลิกันเพื่อยุติทางตัน ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่เริ่มสั่นคลอน
อย่างไรก็ดี ความไม่พอใจปะทุขึ้นในพรรคเดโมแครต เนื่องจากข้อตกลงดังกล่าวเปิดทางให้มีการโหวตในเดือนธันวาคมเพื่อขยายเงินอุดหนุนภายใต้โครงการประกันสุขภาพ "Obamacare" ที่กำลังจะหมดอายุ ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องหลักของพรรค แต่ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าเสียงโหวตนี้มีแนวโน้มตกไป ทำให้เดโมแครตหลายคนมองว่าเป็นการยอมแพ้เชิงนโยบาย
ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวก่อนลงคะแนนว่า นี่ไม่ใช่จุดจบของการต่อสู้ ประชาชนหลายสิบล้านคนยังเสี่ยงที่จะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล เราเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ในการลงคะแนนสุดท้าย มีเพียงสมาชิกเดโมแครต 6 คนเท่านั้นที่โหวตเห็นชอบกับร่างนี้
ในฝั่งรีพับลิกัน ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกลับมาคุมเกมในวอชิงตันเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนกันยายน สามารถรวบรวมเสียงภายในพรรคได้เกือบทั้งหมด แม้จะเผชิญเสียงคัดค้านจากบางฝ่ายที่ไม่พอใจกับมาตราแทรกเพิ่มเติมของวุฒิสภา ซึ่งเปิดทางให้สมาชิกวุฒิสภาบางรายสามารถฟ้องร้องกระทรวงยุติธรรมย้อนหลังจากการเก็บบันทึกโทรศัพท์ในยุคไบเดน โดยอาจได้รับค่าชดเชยสูงถึง 500,000 ดอลลาร์ต่อกรณี
จอห์นสันยอมรับว่า ตกใจและไม่พอใจมาก เพราะไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า แต่ยังยืนยันว่าจะผลักดันให้มีการแก้ไขภายหลังในสภาผู้แทนราษฎร ด้าน สส.โรซา เดอเลาโร จากพรรคเดโมแครต วิจารณ์รุนแรงว่ามาตรานี้คือ การเอาเงินภาษีประชาชนเข้ากระเป๋าตนเอง
ในขณะที่รัฐบาลกลับมาเปิดทำงานอีกครั้ง สภาคองเกรสจะมีเวลาเพียง 4 สัปดาห์ก่อนสิ้นปี เพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญหลายฉบับ ทั้งร่างงบประมาณการเกษตร (Farm Bill) และสิทธิประโยชน์ด้านพลังงานที่ใกล้หมดอายุ นอกจากนี้ การต่ออายุภาษีสนับสนุน Obamacare ที่จะหมดสิ้นปีนี้ยังเป็นอีกศึกใหญ่ที่อาจส่งผลต่อการเลือกตั้งกลางเทอมในปี 2569
ทรัมป์ย้ำในช่วงท้ายของแถลงข่าวว่า Obamacare เป็นหายนะ เราต้องสร้างระบบสุขภาพที่ดีกว่า พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าปฏิรูปกฎหมายด้านสุขภาพในปีหน้า
ขณะเดียวกัน สภาคองเกรสยังเผชิญแรงกดดันจากอีกประเด็นร้อน เมื่อสมาชิกสภาเดโมแครตหน้าใหม่ อะเดลิตา กรีจาลวา กลายเป็นผู้ลงชื่อคนที่ 218 เพื่อบังคับให้สภาโหวตเปิดเผยไฟล์คดีของเจฟฟรีย์ เอปสตีน จากกระทรวงยุติธรรม หลังมีอีเมลใหม่ที่เชื่อมโยงเอปสตีนกับบุคคลระดับสูง รวมถึงอดีต ปธน.ทรัมป์ เอง สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งเพิ่มแรงกดดันทางการเมืองให้กับรัฐบาลในช่วงเวลาที่ประเทศเพิ่งกลับมาจากความชะงักงัน
การชัตดาวน์ครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. หลังทั้ง 2 พรรคตกลงกันไม่ได้เรื่องงบประมาณ โดยรีพับลิกันยืนกรานให้เพิ่มเงินก่อสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโกเพื่อรับมือผู้อพยพผิดกฎหมาย ขณะที่เดโมแครตปฏิเสธและเรียกร้องให้เปิดรัฐบาลก่อน ส่งผลกระทบรุนแรงให้พนักงานรัฐกว่า 800,000 คนไม่ได้รับเงินเดือน สวนสาธารณะแห่งชาติปิดตัว สนามบินล่าช้า และบริการสวัสดิการสังคมหยุดชะงัก นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 340,000 ล้านบาท
อ่านข่าวอื่น :
สสน.เปิดสาเหตุฝนถล่ม กทม.กลางดึก - ย้ำน้ำท่วมกรุงเทพไม่เกี่ยว "น้ำเหนือ-น้ำหนุน"
กรมการปกครอง ถอนสัญชาติ "ก๊กอาน - บุตร" หลังสอบพบ อาจเอี่ยว "ค้ามนุษย์- ฟอกเงิน- สแกมเมอร์"











