ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทีมสัตวแพทย์ดูแลใกล้ชิด ลูกช้างป่า "ข้าวต้ม" ห่วงปัญหาระบบทางเดินอาหาร

ทีมสัตวแพทย์ดูแลใกล้ชิด ลูกช้างป่า "ข้าวต้ม" ห่วงปัญหาระบบทางเดินอาหาร
ทีมสัตวแพทย์ และ จนท.ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก ดูแลรักษาลูกช้างป่า "ข้าวต้ม" อย่างใกล้ชิด 24 ชั่วโมง พบท้องเสียเล็กน้อย ยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาระบบทางเดินอาหาร-กินนมน้อยกว่าปกติ

วันที่ 18 พ.ย.2568 สัตวแพทย์หญิงณฐนน ปานเพ็ชร หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก พร้อมด้วยนายสัตวแพทย์อนุรักษ์ สกุลพงษ์ จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี อัปเดตการดูแลรักษาลูกช้างป่า "ข้าวต้ม"

ลูกช้างป่ากินนมและน้ำข้าวต้มได้ แต่ยังคงกินได้น้อยกว่าปริมาณที่สัตวแพทย์คำนวณไว้ นอกจากนี้ยังพบอาการท้องเสียเล็กน้อย และมีเยื่อเมือกลำไส้ลอกหลุดในบางช่วงเวลา แต่ไม่พบภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี

ภาพ : กรมอุทยานฯ

ภาพ : กรมอุทยานฯ

ภาพ : กรมอุทยานฯ

ทีมสัตวแพทย์ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตลอดทั้งวัน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและพยุงระดับน้ำตาลในเลือด พร้อมทั้งให้ยาปฏิชีวนะ ยารักษาแผลในระบบทางเดินอาหาร ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน วิตามินบำรุงร่างกาย และยาบำรุงตับ

นอกจากการรักษาทางระบบทางเดินอาหารแล้ว ทีมงานยังรักษาแผลและแผลกดทับบริเวณผิวหนังอย่างต่อเนื่อง โดยทำความสะอาดแผล พ่นยา และทายารักษาแผลอย่างสม่ำเสมอ

ภาพ : กรมอุทยานฯ

ภาพ : กรมอุทยานฯ

ภาพ : กรมอุทยานฯ

ทั้งนี้ ทีมสัตวแพทย์ สัตวบาล และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ได้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าดูแลลูกช้างป่า ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการและให้การรักษาได้ทันทีเมื่อจำเป็น

ทีมสัตวแพทย์ ระบุว่า อาการของข้าวต้มยังต้องประเมินวันต่อวัน ทีมงานยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารที่ยังคงพบปัญหาอย่างต่อเนื่อง และปริมาณการกินนมที่ยังน้อยกว่าปกติ แต่จะไม่ท้อถอยและจะดูแลข้าวต้มด้วยความเอาใจใส่สูงสุด

ภาพ : กรมอุทยานฯ

ภาพ : กรมอุทยานฯ

ภาพ : กรมอุทยานฯ

อ่านข่าว : ทีมสัตวแพทย์ดูแลใกล้ชิด ลูกช้างป่า "ข้าวต้ม" ชักเกร็ง-ระดับน้ำตาลต่ำ 

ทีมสัตวแพทย์เตรียมให้เลือดลูกช้างป่า "ข้าวต้ม"