วันนี้ (9 ธ.ค.2568) เวลา 06.00 น. กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา เริ่มปฏิบัติการทางทหาร ยิง BM-21 ในพื้นที่ซำแต, ภูผี, ช่องตาเฒ่า, และปราสาทตาควาย โดยไทยจำเป็นต้องตอบโต้ตามกฎการปะทะ เพื่อทำให้ภัยคุกคามสิ้นสภาพการรบและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ชายแดน
ขณะที่ผลปฏิบัติการทางทหารเมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) กองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ได้ตอบโต้การปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ที่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของไทย รวมทั้งต่อความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่ชายแดน
จากการตรวจสอบข้อมูลทางยุทธการ พบว่า ฝ่ายกัมพูชา มีการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์หนัก การจัดกำลังทำการรบ และการเตรียมการยิงสนับสนุน ซึ่งอาจมีลักษณะที่คุกคามเสถียรภาพและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน จึงนำไปสู่การปฏิบัติทางทหาร เพื่อยับยั้ง และทำลายให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร ในระดับที่จำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ มีการปฏิบัติที่สำคัญ ได้แก่
- ยิงทำลายตึกร้างที่ทำการเครือข่ายสแกมเมอร์ พื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
- ยิงทำลายเสา Anti Drone พื้นที่พระวิหารและห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
- การกวาดล้างสวนมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งรุกล้ำเส้นปฏิบัติการ บริเวณช่องระยี ทางทิศตะวันออกช่องจอม
- การเข้าควบคุมปราสาทคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
- ยิงทำลายกระเช้าลำเลียงเสบียงเนิน 350 ปราสาทตาควาย
กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าปฏิบัติภารกิจอย่างรอบคอบตามหลักสากลของการป้องกันตนเอง (Right of Self-Defence) ตามกฎบัตรสหประชาชาติ ยึดหลักความจำเป็นและความได้สัดส่วน (Necessity & Proportionality) อย่างเคร่งครัด โดยกำหนดเป้าหมายเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร คลังอาวุธ ศูนย์บัญชาการทางทหาร และเส้นทางสนับสนุนการรบที่เป็นภัยต่อความมั่นคง
อ่านข่าว : ทร.ใช้ปฏิบัติการทางทหาร ขับไล่ทหารกัมพูชาจากดินแดนไทย
รมว.กลาโหมชี้กัมพูชาทำลายสันติภาพ ไทยมีความชอบธรรมตอบโต้
ทภ.1 สรุปปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา 8 ธ.ค. ยึดคืน 3 พื้นที่ ทหารเจ็บ 3 นาย
แท็กที่เกี่ยวข้อง:











