ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"อภิสิทธิ์​" พร้อมเลือกตั้ง ชี้ยุบสภากระทบแก้ชายแดน-ฟื้นฟูน้ำท่วม

การเมือง
16:09
173
"อภิสิทธิ์​" พร้อมเลือกตั้ง ชี้ยุบสภากระทบแก้ชายแดน-ฟื้นฟูน้ำท่วม
"อภิสิทธิ์​" ลั่น พร้อมลงสนามเลือกตั้ง จี้​รัฐบาลรักษาการเร่งสาน​ 2 ภารกิจหลัก​ "ชายแดน-น้ำท่วม" บอก​ สับสนฝ่ายต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่กลับเลือกเส้นทางยุบสภา มอง หาก "อนุทิน" ลากยาว​ได้แค่กฎหมายกำหนด

วันนี้ (12 ธ.ค.2568) เวลา 13.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ ก่อนการประชุมกรรมการบริหารพรรค​ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้ง หลังรัฐบาลประกาศยุบสภา ว่า พรรคมีความพร้อม ไม่มีปัญหาอะไร และเป็นพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา การเลือกตั้งเกิดขึ้นได้เสมออยู่แล้ว ตนก็ได้กำชับผู้บริหารทุกคนมาตั้งแต่ต้น ว่าเราทำงานแข่งขันกับเวลา แต่ยอมรับว่ามีข้อจำกัดในหลายเรื่อง แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็มั่นใจ

"ขณะนี้เราเร่งทำกันมาก ซึ่งก็มีความพร้อม และเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์ประเทศ ในแง่ผู้สมัครก็เร่งรัดปฏิบัติตามขั้นตอน และเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างครบถ้วน และมีคนรุ่นใหม่ที่สนใจเข้ามาทำการเมืองแบบสุจริตจำนวนมาก ทำให้เราจำเป็นที่จะต้องกลั่นกรองและคัดเลือกให้เหมาะสมที่สุด"

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ห่วงใย และได้ออกแถลงการณ์ไปตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งต้องยอมรับว่าปัญหาของประเทศในขณะนี้ ทั้งการสู้รบตามแนวชายแดน และการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย หากเรามีการเมืองที่เป็นเอกภาพ มีพลังและมีอำนาจเต็ม ก็จะสามารถผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้ด้วยดี พร้อมกับยอมรับว่ารู้สึกเสียดาย อาจจะเรียกว่าการชิงไหวชิงพริบทางการเมืองสุดก็แล้วแต่ ทำให้เกิดการชะงักงัน

สิ่งที่ตนอยากจะเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ต้องมุ่งมั่นในการดำเนินภารกิจ ทั้ง 2 เรื่องให้เสร็จสิ้นด้วยดี แม้ว่าจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งก็จะมีข้อจำกัดไปโดยปริยาย ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้กระทั่งรัฐบาลหรือตัวนายกรัฐมนตรี ต้องมาใช้เวลากับการรณรงค์หาเสียง การที่รัฐบาลไม่ได้มีอำนาจเต็ม และต้องรักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา และการตัดสินใจในนโยบายใหม่ๆ ก็คงทำไม่ได้ และอาจจะมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ เพราะเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง จะมีเรื่องของ กกต. ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ถ้าเริ่มต้นวันนี้นายกรัฐมนตรีกับรัฐบาล จะดูแลภารกิจเหล่านี้ว่าจะไม่กระทบ หรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด นั่นคือสิ่งที่เราอยากจะนำเสนอในวันนี้มากกว่า ส่วนเรื่องการเลือกตั้งก็ว่าไปตามกระบวนการของพรรคการเมือง

สำหรับกรณีจะสามารถเปิดตัวผู้สมัครได้เมื่อไหร่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นั่นแปลว่าต้องเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากสาขา และตัวแทนจังหวัด ตามกฎหมายบังคับ ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และหลังจากได้รับฟังความคิดเห็นมาแล้วคณะกรรมการสรรหาก็จะเร่งประชุมเสนอคณะกรรมการบริหารอนุมัติ

ส่วนจะส่งตัวผู้สมัครครบทั้ง 400 เขตหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบ แม้ว่าจะมีผู้ยื่นความจำนงมาแล้ว แต่จะต้องมีการคัดกรองอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะอาศัยช่วงนี้เป็นรัฐบาลรักษาการยาว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะไปลากยาวด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ได้ ยกเว้นเท่าที่กฎหมายให้อำนาจไว้ อย่างกรณีที่ก่อนหน้านี้ที่มีการเลื่อนเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ศรีสะเกษ ก็เป็นไปตามกฎหมาย คือ กกต.เห็นแล้วว่าการจะเลือกตั้งในพื้นที่เหล่านั้นมันจัดไม่ได้ หรือไม่สามารถจัดได้ และทำให้เกิดความมั่นใจว่าประชาชนมีส่วนร่วมด้วย ก็เป็นอำนาจของ กกต.ที่จะเลื่อนการเลือกตั้ง แต่จะเป็นการทั่วไปยังมองไม่เห็นว่ากฎหมายจะอนุญาตอย่างไร

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่า ไม่อยากไปถกเถียงว่าใครเป็นคนผิดข้อตกลง เพียงแต่น่าเสียดายตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ออกแถลงการณ์ไปว่าถ้าพรรคการเมืองจะพยายามหาทางออกร่วมกันผลักดันสิ่งที่เป็นเป้าหมายร่วมกัน ก็จะหลีกเลี่ยงที่จะทำให้บางปัญหาที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศต้องได้รับผลกระทบไปด้วย

“ความได้เปรียบเสียเปรียบก็ทราบกันมาอยู่แล้วตามเงื่อนไข ให้ความเป็นธรรมกับนายกฯ เพราะนายกฯ พูดมาตลอดว่าถ้าขยับอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่ เขาก็จะยุบสภา เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาชนก็ไม่ได้บอกว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเคยถูกสอบถามก็บอกว่ารัฐบาลยังไม่มีความผิดร้ายแรง แต่พอมีปัญหาเรื่องตกลงกันไม่ได้ เรื่องสาระของรัฐธรรมนูญเลยทำให้เป็นเหตุขึ้นมา ในใจผมก็นึกว่าถ้าเราเอาเรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่มาเป็นตัวตั้งของประเทศแล้วคุยกันเสีย เผื่อหาทางออกได้มันก็น่าจะดีกว่านี้ แต่เมื่อถึงจุดนี้ก็ต้องเดินไปตามกระบวนการ”

นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ ให้ความเห็นต่อกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่ค้างอยู่ในรัฐสภาไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ โดยระบุว่า ตนรู้สึกสับสนเล็กน้อย ต่อท่าทีของฝ่ายการเมืองที่ต้องการผลักดันการแก้ไขเพิ่มเติมหรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่กลับเลือกเส้นทางที่ทำให้เรื่องต้องยุติลงเอง

แม้จะมีข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติการทำประชามติ แต่กระบวนการดังกล่าวไม่ได้ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดความง่ายขึ้น เนื่องจากเดิมทีคำถามประชามติควรถามควบคู่ไปกับร่างรัฐธรรมนูญที่จะเปิดทางให้มีการยกร่างใหม่อย่างชัดเจน และแม้มีการทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งจนผลออกมาผ่านแล้ว ขั้นตอนก็ยังต้องกลับไปทำประชามติอีกครั้งในวันที่มีการแก้ไขมาตรา 256

จริงๆ แล้วก็แปลกใจอยู่ว่าแทนที่จะพยายามหาทางออกก็ไปเลือกเส้นทางที่เหมือนกับมาตั้งต้นกันใหม่

อ่านข่าว : 

สะบั้น “เอ็มโอเอ” ยุบสภา เมื่อ “ต่อรอง-อำนาจ” ไม่ลงตัว

“ภูมิใจไทย-ประชาชน” ใครฉีก MOA กันแน่?

“บวรศักดิ์” ชี้รัฐบาลยังมีอำนาจเต็ม เว้นอนุมัติโครงการใหม่-แต่งตั้งโยกย้าย-ใช้ทรัพยากรรัฐหาเสียง