ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ไทย รบ กัมพูชา" ศึกนอกหนักใจ ยุบสภา "เลือกตั้งใหม่" ศึกในหนักอก

การเมือง
19:57
157
"ไทย รบ กัมพูชา" ศึกนอกหนักใจ ยุบสภา "เลือกตั้งใหม่" ศึกในหนักอก

ศึกนอกหนักใจ ศึกในหนักอก สำหรับคนไทยทั้งประเทศยามนี้ สงครามการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ยังเดือดระอุ ตลอดแนวชายแดน 7 จังหวัดอีสานใต้และภาคตะวันออก ระยะทางกว่า 817 กิโลเมตร แม้จะเข้าสู่วันที่ 5 แล้วก็ตาม อีกฟากฝั่งการเมืองไทยก็พลุ่งพล่าน ทันทีที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา และกำหนดให้มีการเลือกตั้งระหว่างวันที่ 25 มค.-8 ก.พ.2569 นี้

ศึกนอกโดยหน้าที่แล้ว ถือเป็นภารกิจหลักที่ 4 เหล่ากองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และตำรวจ ที่ประจำอยู่ในแต่ละภูมิภาคจะต้องรบชนะกองทัพกัมพูชา ภายใต้การนำของ “ตระกูลฮุน” ให้เด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นภัยคุกคามในระยะยาวต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน ซึ่งไม่ง่าย เพราะไทยไม่ได้รบกับกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังมีตัวสอดแทรกสำคัญจาก “สหรัฐฯ-จีน” ที่เข้ามามีบทบาทในภูมิภาคนี้

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ในงานเลี้ยงที่สภาคองเกรสจัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี (11พ.ย2568) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อ้างว่า ในฐานะที่เขาเป็นผู้สร้างสันติภาพโลก ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถดึงข้อตกลงหยุดยิงกลับมาสู่เส้นทางอีกครั้ง

"เราช่วยคลี่คลาย 8 สงคราม ลองคิดดู มี 8 สงครามที่คลี่คลาย แม้แต่ไทยและกัมพูชา ผมคิดว่า เราจำเป็นต้องโทรศัพท์พูดคุยกับไทยและกัมพูชา 2-3 รอบ แต่เราจะนำพามันกลับสู่เส้นทาง" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว

สงครามการสู้รบไทย-กัมพูชา เมื่อปลายเดือน ก.ค.2568 ตลอดระยะเวลา 5 วัน ครั้งนั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เข้ามามีบทบาทในการหย่าศึก โดยใช้มาตรการทางภาษีเข้ามากดดัน จนนำไปสู่การเจรจาสันติภาพ ซึ่งสวนทางกับการกระทำของกัมพูชาที่ควบคู่กับการเล่นบท "เหยื่อ" และตีสองหน้า “ขอเจรจาหยุดยิงโดยจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน”

แต่สงครามรอบนี้ต่างจากรอบที่แล้ว แม้ ทรัมป์ จะกำหนดนัดหมายพูดคุยทางโทรศัพท์กับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในช่วงค่ำวันนี้ (12 ธ.ค.2568) ตามเวลาท้องถิ่น 21.20 น. แต่สถานะรัฐบาลอนุทิน คือ “ยุบสภา” ไปแล้ว แม้นายกฯ ยังมีอำนาจเต็มทั้งเรื่องความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญได้มีระบุ สิ่งที่ห้ามทำชัดเจน 2 เรื่อง คือ โครงการใหม่ที่ผูกพันคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ และห้ามนำทรัพยากรของรัฐ ทั้งบุคคลและยานพาหนะไปใช้เพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง

ดังนั้น หาก โดนัลด์ ทรัมป์ จะมาเป็นกาวใจให้ไทย-กัมพูชา “สงบศึก” อีกครั้ง อาจไม่ง่ายดังเดิม เนื่องจากกองทัพไทยกำลังอยู่ในช่วงสู้รบปกป้องประเทศ และต้องลิดรอน ขีดความสามารถทหารเขมร เชิงลึกให้หมดสภาพ เพื่อไม่ให้คิดที่เข้ามารุกล้ำดินแดนไทยอีกในอนาคต

แม้ “นาธาน รูเซอร์” (Nathan Ruser)นักวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมจากออสเตรเลีย (ASPI) ได้โพสต์ข้อความในแอปพลิเคชันระบุ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ...แผนที่เชิงโต้ตอบไทย–กัมพูชาของฉัน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ประเทศไทยรุกคืบไปในจุดใดบ้าง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงตอนนี้ โดยพื้นที่รุกคืบในช่วงก่อนหน้านี้จะแสดงเป็นสีน้ำเงิน และพื้นที่ที่ยึดได้ตั้งแต่การสู้รบในเดือนธันวาคมจะแสดงเป็นสีแดง

โดยในส่วนของสีน้ำเงินนั้นแสดงให้เห็นได้ชัดว่าไทยนั้นรุกคืบทวงดินแดนที่อยู่ในฝั่งไทยคืนมาแทบทั้งสิ้น

ย้อนกลับมาชายแดนไทย-เขมร ตลอด 5 วัน การปะทะแนวราบของไทย-กัมพูชายังโรมรันพันตูรอบทิศ ทั้งทางบก และอากาศ เสียงปืนแนวรบพระวิหารยังดังตลอดแนว ตั้งแต่เขตพื้นที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ,ช่องบก-ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ,ช่องจอม จ.สุรินทร์,บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ , ตาพระยา-หนองจาน จ.สระแก้ว เขมรยังมี “ทหารราบ -ทหารบ้าน” และผู้บังคับหน่วยในฐานกองกำลังทหารพิเศษ BHQ (Bodyguard Headquarters) จะละลายไปหลายจุดแล้ว

ขณะที่กองทัพไทย กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ ได้เข้ายึดพื้นที่คืนได้หลายจุด มีการใช้กำลังทางอากาศเข้าโจมตีคลังอาวุธ และตำแหน่งที่ตั้งฐานบัญชาการของกัมพูชาซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาคารสแกมเมอร์ และคอลเซนเตอร์ ถึง 5 แห่ง เช่น บ่อนทมอดา บ่อนโอร์เสม็ด บ่อนช่องอานม้า บ่อยสายตะกู และบ่อนกาสิโนตรงข้ามพื้นที่ตาพระยา รวมทั้งเข้าทำลายสะพานส่งเสบียงอาวุธของกัมพูชา

ข้อมูลจากเพจกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า วันนี้ ( 12 ธ.ค.2568) ใน 12 พื้นที่ประกอบด้วย ช่องบก ,ช่องอานม้า, พลาญบั้งไฟ, พนมประสิทธิโส , เขาสัตตะโสม, ห้วยตามาเรีย, ภูมะเขือ, ช่องโดนเอาว์ พลาญหินแปดก้อน, พื้นที่คนา, พื้นที่ตาเมือน, พื้นที่ตาควาย ,ยังมีคงมีการปะทะกันอย่างหนัก

รายงานจากพื้นที่ระบุว่า ในช่วงเช้าและกลางวันจะทหารเขมร ยังมีการยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 Grad และ RM-70 ยิงปูพรมเข้ามา รวมทั้งปืนใหญ่หลายขนาด ทั้ง Type 59 , D-30 และโดรนพลีชีพ ส่วนจรวดพิสัยไกล PHL-03 แม้จะมีการนำออกจากคลังอาวุธแล้ว แต่ปัจจุบันเขมรยังไม่ได้นำมาใช้งาน ส่วนกลางคืนจะมีการใช้โดรนที่มีลักษณะคล้ายกับโดรน FPV บินเข้ามาก่อกวน

ขณะที่กองทัพภาคที่ 1 ได้โพสต์สรุปรายงานสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ว่า มีการทำลายยานเกราะ 3 คัน ,โดรนตรวจการณ์ 4 ลํา ,เสาสัญญาณสื่อสาร 2 ต้น ,จุดตรวจการณ์/ฐานทหาร 4 แห่ง และมีทหารกัมพูชาเสียชีวิต ประมาณ 40 นาย

สำหรับพื้นที่บึงตากวน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว พบว่า หลังจากก่อนหน้านี้ ทหารไทยเข้ายึดได้แล้ว ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมาพบว่ามีทหารกัมพูชาแอบเข้ายึดพื้นที่ดังกล่าว หลังทหารไทยถอนตัว พร้อมปลดธงชาติไทยเปลี่ยนเป็นธงกัมพูชา เนื่องจากพื้นที่บริเวณนั้นไทยมีความเสียเปรียบทางด้านยุทธศาสตร์การรบสภาพทางภูมิศาสตร์ เป็นพื้นที่ราบและโล่ง

พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะ ผอ.ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชา กล่าวว่า แม้รัฐบาลยุบสภาแต่ไม่มีผลต่อการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา รัฐบาลยังทำงานเต็มอำนาจด้านความมั่นคง และไทยป้องกันตัวตามสิทธิสากล เพราะกัมพูชารุกล้ำและยิงก่อน ส่วนกองทัพ ใช้กำลังเท่าที่จำเป็น เพื่อปกป้องชีวิตประชาชนและแผ่นดินไทย

“ขอคนไทยเชื่อมั่น ร่วมมือ ไม่แชร์ข้อมูลผิด ไม่กระทบความปลอดภัยทหาร โดยไทยยึดสันติภาพ พร้อมเจรจา เมื่อพื้นที่ปลอดภัยจากการโจมตี และเราจะผ่านสถานการณ์นี้ด้วยความเป็นหนึ่งเดียว ของคนไทยทุกคน” พล.อ.อ. ประภาส ระบุ

ตัดกลับมาที่ศึกภายในประเทศ หลังยุบสภานับจากนี้ ทุกพรรคการเมืองจะต้องเดินหน้าปรับเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้ง แต่ข้อเท็จจริง ไทยกำลังอยู่ในภาวะสงคราม หากตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณี ยุบสภาจะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 ถึง 60 วัน ดังนั้นหลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาออกมา การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นอย่างช้าที่สุด คือ วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569

และท่ามกลางประเทศกำลังรบติดพันและอยู่ในช่วงภาวะสงคราม จึงมีคำถามว่า กกต.จะจัดให้มีการจัดเลือกได้หรือไม่ เนื่องจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า การเลือกตั้งจะต้องจัดพร้อมกันในวันเดียวทั่วราชอาณาจักร ซึ่งหากใน 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ยังมีการสู้รบกันอยู่จะทำอย่างไร

จึงมีแนวโน้มว่า รัฐบาลอนุทิน อาจลากยาวและเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อนจนกว่าสถานการณ์สงบ และยังไม่สามารถกำหนดวันได้ ยกเว้นกรณีเดียว “ศึกรบไทย-เขมร” รบต่อและจบให้เร็ว จนกว่าจะสิ้นสภาพภัยการเลือกตั้งก็จะเดินหน้าต่อ แล้วค่อยว่าวัดว่า กระแสกับกระสุน ใครจะอยู่จะไป

ส่วนหัวใจของคนไทยในยามนี้ แม้อาคารที่ตั้งสแกมเมอร์ และกาสิโน ศูนย์รวมคอลเซนเตอร์ จะถูกทลายไปหลายแห่งแล้ว แต่ลึก ๆ ศึกนอก (รบเขมร) ก็ยังหนักใจเพราะมีมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซง และศึกใน การเลือกตั้งที่ยังหวั่น (นักการเมืองทุนเทา) จะหลุดเข้ามาก็ยังหนักอกร่ำไป

อ่านข่าว

 ปิดจบ “ตระกูลฮุน-เขมร” ภัยคุกคาม เปิดแนวรบ(ชายแดน) ลึกได้แค่ไหน