วันนี้ (15 ธ.ค.2568) กองทัพภาคที่ 2 ราบยงานสถานการณ์สู้รบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 8-14 ธ.ค.2568 ใน 17 พื้นที่ ประกอบด้วย
- พื้นที่ช่องบก สถานการณ์ตึงเครียดสูง มีการปะทะด้วยอาวุธหนักเป็นระยะ ทหารกัมพูชาพยายามรักษาที่มั่นบนเนินสำคัญ และเตรียมรับมือการถูกปิดล้อม โดยเร่งกักตุนเสบียงและกระสุนในแนวหน้า สิ่งบอกเหตุชี้ชัดถึงความกังวลต่อการถูกตัดเส้นทางส่งกำลังบำรุง หนทางปฏิบัติหลักคือการตั้งรับในที่มั่นแข็งแรงเพื่อถ่วงเวลา และใช้การยิงสนับสนุนเมื่อฝ่ายไทยเข้าใกล้
- พื้นที่ช่องอานม้า เป็นจุดปะทะรุนแรงที่สุด แนวรับชั้นแรกถูกเจาะทำลายและสูญเสียอาวุธนำวิถี (GAM-102LR) ทหารกัมพูชาประสบวิกฤตด้านขวัญกำลังใจและเสบียง จึงตอบโต้ด้วยการระดมยิง BM-21 แบบปูพรมใส่พื้นที่ส่วนหลังของไทย เพื่อหยุดยั้งการรุก คาดว่าจะร่นถอยไปตั้งรับในแนวลาดด้านหลัง และใช้การยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้ายเพื่อคุ้มครองฐานยิงปืนใหญ่
- พื้นที่สัตตะโสม-โดนตรวล-ซำแต พื้นที่นี้ทำหน้าที่เป็น "ฐานยิงและศูนย์กลางโดรน" พบการรวมศูนย์โดรนเพื่อชี้เป้าและสนับสนุนพื้นที่ข้างเคียง ทหารกัมพูชา ใช้ยุทธวิธี "ยิงแล้วย้าย" ของฐานยิง BM-21 เพื่อหลบหลีกการยิงสวนกลับ โดยอาศัยภูมิประเทศป่าทึบในการซ่อนพราง
- พื้นที่ห้วยตามาเรีย สถานการณ์วิกฤต ทหารกัมพูชามีคำสั่งทำลายพื้นที่สัญลักษณ์ และเสริมความแข็งแรงบังเกอร์ ทางยุทธวิธีเน้นการยิงรบกวนและทำลายสิ่งปลูกสร้าง โดยจะตรึงกำลังบริเวณวัดแก้วฯ และใช้อำนาจการยิงจากพื้นที่ต่ำกดดันพื้นที่สูงของไทย
- พื้นที่ภูมะเขือ ทหารกัมพูชา เสียเปรียบทางยุทธวิธีอย่างหนักจนไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้ จึงปรับแผนเป็น "การปฏิเสธพื้นที่" โดยใช้ BM-21 ยิงประณีตใส่ยอดเขาแบบต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าฝ่ายไทยจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าวได้ แม้จะต้องถอนกำลังภาคพื้นดินออกไป
- พื้นที่พลาญหินแปดก้อน ปรับเปลี่ยนรูปแบบการรบเป็นการใช้โดรน FPV (Kamikaze) และชุดล่าทำลายรถถัง ทดแทนกำลังพลที่ขาดแคลนกระสุน 12.7 มม. หนทางปฏิบัติคือการรบแบบกองโจร จัดชุดเล็กคล่องตัว ลักลอบโจมตีแนวหลังและยานเกราะของไทย
- พื้นที่ช่องจอม-ช่องระยี-ปลดต่าง มีการเพิ่มเติมกำลังพลใหม่ประมาณ 300 นาย พร้อมมาตรการวินัยการสื่อสาร และพรางไฟที่เคร่งครัด บ่งชี้ถึงการเตรียมการตีโต้ตอบ หรือจัดเป็นกองหนุน ปัญหาพลังงานสื่อสารทำให้ต้องร้องขอแบตเตอรี่เพิ่ม พร้อมปล่อยข่าวลวงเรื่องการถอนตัวของไทยเพื่อรักษาขวัญทหาร
- พื้นที่ช่องคนา ยานเกราะไทยสร้างแรงกดดันอย่างหนักจนทหารต้องร้องขอการยิงปืนใหญ่แบบใกล้ฝ่ายเดียวกัน เพื่อสกัดกั้น คาดว่าหากต้านทานไม่ได้จะถอนตัวไปยังภูมิประเทศที่ยากต่อการเข้าถึงของรถถัง
- พื้นที่ตาควาย-เนิน 350 การรบประชิดรุนแรงจนเสีย ผบ.หน่วยทหารกัมพูชา ใช้ยุทธวิธี "ยอมแลก" โดยระดมยิง FPV และ BM-21 เข้าใส่พื้นที่สังหารรวมถึงพื้นที่ตนเองหากจำเป็น เพื่อยื้อแย่งพื้นที่สัญลักษณ์และหยุดการเข้าตีของไทย
- พื้นที่เนิน 225 ตกอยู่ภายใต้อำนาจการยิงและการครองอากาศของโดรนไทยโดยสมบูรณ์ ทหารกัมพูชาสั่งระงับความเคลื่อนไหวและเข้าที่กำบัง 100% เป้าหมายหลักคือการอยู่รอด เพื่อรอจังหวะตอบโต้หรือเคลื่อนย้ายเมื่อการยิงปูพรมสิ้นสุดลง
- พื้นที่ช่องกร่าง ปะทะด้วยรถถังอย่างต่อเนื่อง มีการลดจำนวนพลประจำรถเพื่อลดความสูญเสีย ใช้รถถังเป็นป้อมปืนเคลื่อนที่ในยุทธวิธีรบหน่วงเวลา อาศัยภูมิประเทศยิงแล้วถอยเพื่อรักษากำลังรบ
- พื้นที่ตาเมือน ระบบควบคุมบังคับบัญชาของฝ่ายกัมพูชา ถูกฝ่ายไทยรบกวนและดักฟัง ทำให้เกิดความระแวงและต้องเปลี่ยนรหัสวิทยุบ่อยครั้ง รวมถึงปัญหาขาดแคลนพลังงาน จึงหันมาใช้พลนำสารและลดการใช้วิทยุ โดยหน่วยระดับล่างจะปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุอัตโนมัติเมื่อขาดการติดต่อ
- พื้นที่สายตะกู ทหารกัมพูชาระวังป้องกันสูง โดยใช้โดรนลาดตระเวนหนาแน่น และวางกำลัง รถถังซุ่มรอในภูมิประเทศที่ได้เปรียบ เพราะกังวลการเปิดแนวรุกใหม่ของไทย หนทางปฏิบัติคือการเตรียมพื้นที่สังหาร เพื่อทำลายฝ่ายไทย
สรุปการปฏิบัติต่อข้าศึกตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.-14 ธ.ค.2568 ไทยได้ทำลายฐานปฏิบัติการทางทหาร คลังน้ำมัน/กระสุน และอื่น ๆ บก.ควบคุม 11 ที่, ฐานทหาร 14 ที่, อาคารที่พัก 5 ที่, หลุมเครื่องยิงลูกระเบิด 6 หลุม, ฐานที่ตั้งปืนใหญ่ 2 ที่, คลังกระสุน 3 ที่, คลังน้ำมัน 1 ที่, ฐานที่ตั้งสแกมเมอร์/ฐานจุดปล่อยโดรนโจมตีทางทหาร 2 ที่ และบังเกอร์ 10 ที่ รวม 54 ที่
ทำลายรถถัง 12 คัน, โดรน 171 ลำ, BM-21 1 คัน, เสาแอนตี้โดรน 4 ต้น, ปืนต่อสู้อากาศยาน 4 กระบอก, ระบบควบคุมแอนตี้โดรน 1 ชุด, รถบรรทุก 7 คัน, เสาสัญญาณ 1 ต้น, ปืนใหญ่ 1 กระบอก, ปืนครก 6 กระบอก และทหารกัมพูชาเสียชีวิต 205 นาย
กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ พร้อมขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลจากทางราชการ และเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต่อไป
อ่านข่าว : ทร.ยันยังไม่ปิดกั้นอ่าวไทย - ประกาศงดทำประมงชั่วคราว 4 พื้นที่ จ.ตราด
กองทัพเข้มส่งน้ำมันช่องเม็ก ทำลายปืนใหญ่ 7 กระบอก โดรน 175 ลำ ทหารกัมพูชาตาย 505 นาย
"วราวุธ" ขน 12 สส.ร่วมทัพ "ภูมิใจไทย ไม่ติดใจต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ











