วันนี้ (16 ธ.ค.2568) นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรมเร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา เน้นทั้งการดำเนินการเฉพาะหน้าและการสำรวจความเสียหายเพื่อเยียวยาตามระเบียบกระทรวงการคลัง ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด
จากรายงานของศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านปศุสัตว์ วันที่ 15 ธ.ค. 2568 พบว่าพื้นที่ได้รับผลกระทบครอบคลุม 28 อำเภอ มีจำนวนสัตว์ในพื้นที่รวมทั้งสิ้น 6,536,689 ตัว สัตว์ตายสะสม 171 ตัว ส่วนใหญ่ เป็นโค-กระบือ
ในระยะเร่งด่วน กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการอพยพสัตว์ออกจากพื้นที่เสี่ยงสะสมแล้ว 809 ตัว ให้การช่วยเหลือสัตว์ รวม 15,945 ตัว และรักษาสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยแล้ว 949 ตัว ที่ผ่านมาได้สนับสนุนด้านอาหารสัตว์ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะ โดยแจกจ่ายอาหารหยาบแห้งสะสมแล้ว 101,800 กิโลกรัม อาหารข้น 21,790 กิโลกรัม และอาหารสำหรับสุนัขแมว 8,825 กิโลกรัม พร้อมแจกถุงยังชีพสัตว์ และชุดส่งเสริมสุขภาพสัตว์ เช่น แร่ธาตุ ยา และวิตามิน โดยยังคงเดินหน้าช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
สำหรับหลักเกณฑ์ได้กำหนดตามประเภทสัตว์เลี้ยงและจำแนกตามช่วงอายุและจำนวนสูงสุดที่ให้ความช่วยเหลือต่อรายดังนี้
• โค อายุ 2 ปีขึ้นไป อัตราชดเชยไม่เกิน 35,000 บาท/ตัว (ไม่เกิน 5 ตัว/ราย)
• กระบือ อายุ 2 ปีขึ้นไป อัตราไม่เกิน 39,000 บาท/ตัว (ไม่เกิน 5 ตัว/ราย)
• สุกร อายุ 30 วันขึ้นไป อัตราไม่เกิน 3,000 บาท/ตัว (ไม่เกิน 10 ตัว/ราย)
• แพะ/แกะ อายุ 30 วันขึ้นไป อัตราไม่เกิน 3,000 บาท/ตัว (ไม่เกิน 10 ตัว/ราย)
• สัตว์ปีก เช่น ไก่ เป็ด นกกระทา นกกระจอกเทศ อัตราช่วยเหลือแตกต่างกันตามช่วงอายุและประเภท โดยช่วยเหลือสูงสุด 300–1,000 ตัว/ราย
• แปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์ ชดเชยในอัตรา 1,980 บาท/ไร่ ไม่เกิน 30 ไร่/ราย
ทั้งนี้ขอให้พี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชามั่นใจว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และจะอยู่เคียงข้างจนกว่าสถานการณ์ความไม่สงบจะคลี่คลาย ซึ่งเกษตรกร
ผู้เลี้ยงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบสามารถติดตามข้อมูล แจ้งความเสียหาย หรือขอรับความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่ สำนักงาน ปศุสัตว์อำเภอ / จังหวัด
อ่านข่าว:











