การขยับตัวของ “หลิวจงอี้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน มายังประเทศไทยรอบล่าสุด และลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังเมียนมาเปิดปฎิบัติการกวาดล้างแหล่งสแกมเมอร์ที่เมือง เคเค ปาร์ก และ ชเวก๊กโก ฐานบัญชาการใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลวงคนทั่วโลก เสมือนไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปะทะตามแนวชาย แดนไทย-กัมพูชาในขณะนี้ แต่มองข้ามไม่ได้ว่า คือ ความเชื่อมโยงกัน
หลัง “เสอ จื้อ เจียง” เจ้าพ่อสแกมเมอร์ และเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ที่เปิดใช้งานอยู่ 239 แห่ง มีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 2,775 พันล้านหยวน คิดเป็นเงินไทย12.63 ล้านล้านบาท มีผู้เข้าเล่นการพนันกว่า 330,000 ราย สร้างความเสียหายมาก กว่า 150 ล้านหยวน หรือประมาณกว่า 700 ล้านบาท ได้ถูกทางการไทยส่งตัวกลับเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ในความผิดฐานเปิดบ่อนกาสิโนโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาของจีน เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2568
เสอ จื้อเจียง เป็นชาวจีน ที่ได้สัญชาติกัมพูชา หนึ่งในผู้ร่วมลงทุนสร้างเขตเศรษฐกิจ “ดาราสากอร์” ซึ่งเป็นที่ตั้งแก๊งคอล เซนเตอร์ อยู่ทางใต้สุดของจังหวัดเกาะกง ห่างชายแดนไทยด้านจ.ตราด ประมาณ 170 กิโลเมตร นอกจากได้รับสัญชาติกัมพูชา เมื่อปี 2560 แล้ว ยังเปลี่ยนชื่อเป็น “เสอ เกรียง ขาย” เป็นเจ้าของบริษัท Yatai International Holdings Group (亚太国际控股集团)
“หลิวจงอี้” กลับมาครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เข้าไปดูรังสแกมเมอร์ – ซากปรักหักพังตึกหรู ที่ใช้เป็นฐานหลอกลวงค้ามนุษย์ใหญ่ แต่มีรายงานว่า ได้เข้าไปดูห้องกักตัวผู้ต้องหาชาวจีนที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเมืองเมียวดี โดยมีการแยกชาวจีนที่ตกเป็นเหยื่อ และกลุ่มขบวนการสแกมเมอร์ออนไลน์ เพื่อนำตัวกลับไปสอบสวนเนินคดีตามกฎหมายที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และเมื่อวานนี้ (16 ธ.ค.2568) ได้มีการรับตัวชาวจีนจำนวนกว่า 2000 คนกลับแล้ว 2 เที่ยวบิน หลังก่อนหน้านี้ส่งกลับไปแล้ว กว่า 20,000 คน
มีรายงานว่า ในฝั่งเมียนมา พล.ต.เมียว หมิน ฮไทค (Myo Min Htike) รองผู้บัญชาการตำรวจเมียนมา ได้หารือกับ หลิวจงอี้ เกี่ยวกับการปราบปรามร่วมกัน ของ 3 ฝ่าย คือ เมียนมา ไทย และจีน เรื่องมาตรการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ที่ปฏิบัติการอยู่ใกล้ชายแดนไทย แม้จะมีการตั้งข้อสังเกตว่า การปราบปรามครั้งนี้ คือ การโชว์ให้โลกเห็นเพื่อตอบสนองแรงกดดันจากต่างประเทศ ของทหารเมียนมา และกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่เข้าไปมีผลประโยชน์ในพื้นที่เศรษฐกิจดังกล่าว
โดยกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ในระดับ “ตัวท็อป” ไม่ต่างจาก “นกรู้” บางส่วนย้ายฐานปฏิบัติการไปตั้งรังใหม่ในเมืองเมียวดี บางส่วนอพยพเข้ามาอยู่ฝั่งตรงข้ามชายแดนไทย-เมียนมา เขตเมืองพญาตองซู ตรงข้ามอ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และบังใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย ถึงฝั่งไทยยังมีมาตรการตัดกระแสไฟฟ้าและอินเทอร์เนต แต่จีนเทาด้านนี้มี เครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าและดาวเทียมสตาร์ลิงค์ ล่อลวงคนให้ตกเป็นเหยื่อ เปิดบ่อนกาสิโน อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ “หลิวจงอี้” ก่อนกลับประเทศจีน ยังทิ้งทวน ด้วยการเข้าหารือเรื่องมาตรการกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติกับ พล.ต.ท.จิรภพ อีกรอบหนึ่งที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.)ซึ่งฝ่ายไทยมีการเปิดห้องหารือ-โชว์เขี้ยวเล็บศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC)
และชี้ให้ผลงานสำคัญ คือจับกุม MR.YUANKE SONG ผู้ต้องหารายสำคัญของจีน ซึ่งก่อเหตุพยายามติดสินบนเจ้าพนักงาน (ฮั้วประมูล)” ซึ่งทำความเสียหายที่ประเทศจีนกว่า 270 ล้านบาท และขณะนี้ถูกเพิกถอนวีซาแล้ว และอยู่ระหว่างการประสานตัวส่งตัวกลับจีนในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนพิกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Location Sharing) โดยทางการจีนยืนยันว่าข้อมูลการสืบสวนของไทย ตรงกันกับฐานข้อมูลของจีน ซึ่งจะนำไปสู่การวางแผนทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร่วมกันในเร็วๆ นี้
ในวันเดียวกัน “หลิวจงอี้” ยังเข้าพบ พล.ต.ท. รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม พร้อมพ.ต.ท. ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อหารือแนวนโยบายด้านการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คอลเซนเตอร์ และสแกมเมอร์
โดยทางการจีนเสนอแนวทางความร่วมมือในการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ใน 3 ประเด็นใหญ่คือ การส่งกลับผู้กระทำความผิดหรือผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งหลบหนีหรือเข้ามาพักอาศัยในประเทศไทย ,การแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้กระทำความผิดระหว่างกัน การส่งเสริมความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายและสร้างกลไกเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และความร่วมมือในภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหาคอลเซนเตอร์ระหว่างประเทศ รวมทั้งการปราบปรามยาเสพติด ผ่านกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง
แม้ไม่มีรายงานว่า “หลิวจงอี้ “ได้มีการหารือเรื่องผู้ต้องหาจีนเทาที่ติดสินบนเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่ปล่อยให้มีการสั่งตรงสองนางแบบสาวจีนระดับซุปเปอร์สตาร์ เข้าไปขายบริการทางเพศในเรือนจำหรือไม่ แต่การมีอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าร่วมด้วย ขณะที่ดีเอสไอและกรมราชทัณฑ์ ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้อง จนพบมีเส้นเงินยิงตรงถึงอดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและเลขานุการฯอดีตผบ.รจ.ก็คงไม่ต้องมีคำตอบใด ๆ
คงไม่ต่างจากที่ทหารไทย ยึดอาวุธสัญชาติจีนจากทหารกัมพูชาได้ ทั้งลูกระเบิด เครื่องยิงกระสุนปืน เครื่องยิงจรวดต่อต้านรถังจำนวนมากได้บนเนิน 500 คงไม่ต้องถามเพราะหลักฐานเป็นประจักษ์พยานอย่างดี
อ่านข่าว
บ้านชำราก “ตราดปราบปรปักษ์” ทวงคืนบ้านสามหลัง “ให้มันจบที่รุ่นเรา”
แท็กที่เกี่ยวข้อง:











