วันนี้ (24 ธ.ค.2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมแกนนำพรรค ผู้สมัคร สส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และเขต รวม 500 คน พร้อมทั้ง นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว มาร่วมงานอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวเปิดเวทีเป็นคนแรก ว่า ก่อนหน้านี้ มีความกังวลระดับหนึ่ง แต่วันนี้ความกังวลเปลี่ยนแปลงเป็นความมั่นใจ มีความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง เพื่อรับใช้ประเทศ และประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญที่สุดตั้งแต่มีพรรคภูมิใจไทยมา เพราะเป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้ว่า ประชาชนชาวไทยตั้งความคาดหวังไว้สูงกับการทำงานของพรรค จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากความพร้อมสูงสุดในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านบุคลากร นโยบาย และยุทธศาสตร์ ที่ต้องยกระดับเพิ่มขึ้น เป็นที่มาของสโลแกน "ภูมิใจไทยพูดแล้วทำพลัส"
นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยวันนี้ มีประสบการณ์การครบถ้วนทุกรูปแบบ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว ไม่ใช่เด็กละอ่อนอีกต่อไป ผ่านประสบการณ์บริหารทุกด้านมาแล้ว สามารถทำให้ประเทศไทย มีที่ยืนทุกมิติบนเวทีโลก นอกจากนี้ พรรคเคยผ่านงานท่ามกลางภาวะวิฤตครบทั้งภัยพิบัติ โรคระบาด ความมั่นคงชายแดน ตนอยู่กับพรรคมานาน 10 กว่าปี เห็นมาตลอดว่า สมัยก่อน ยังขาดอะไร แต่วันนี้มั่นใจแล้วว่าพรรคเติมเต็มส่วนที่ขาดทุกมิติเรียบร้อย
พรรคภูมิใจไทย ผ่านการเลือกตั้งมา 3 ครั้ง ทุกครั้งพรรคเติบโตขึ้นเสมอไม่เคยเล็กลง และในการเลือกตั้ง ที่กำลังจะถึงกราบขอโอกาสประชาชน อย่าทำให้กราฟพรรคภูมิใจไทยตกต่ำ แต่ขอให้พุ่งขึ้นเต็มที่ เพื่อสร้างความเจริญให้ประเทศได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ
วันนี้พรรคมีความพร้อมสูงสุดในการตั้งใจรับใช้ประชาชน ไม่ใช่แค่ความสามารถในการทำงาน แต่เรามีความสามารถในการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างๆ มีเอกภาพ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับข้าราชการ กองทัพ ทุกภาคส่วนของสังคม ทุกคนคงเห็นแล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยมีแต่คนทุ่มเททำงานไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย เราคัดสรรคนที่ทำงานเป็นมาทำงานให้ประชาชนเต็มที่ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเต็มไปด้วยคลังของคนทำงาน
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ภัยของประเทศในวันนี้ หลักๆ มี 4 ด้าน ที่เป็นภัยคุกคามประเทศทั้งเศรษฐกิจ สังคม ภัยพิบัติ และภัยความมั่นคง คนไทยในปัจุจุบันเกิดความกลัวสารพัด แต่สิ่งที่ตนเองไม่อยากให้คนไทยต้องกังวลเลย คืออย่ากลัวเสียอธิปไตยของประเทศ พรรคภูมิใจไทยจะทำให้ความหวาดระแวง ความกลัวของท่าน เปลี่ยนมาเป็นความมั่นคง มั่งคั่ง และเชื่อมั่น ซึ่งระหว่างที่นายอนุทิน มีน้ำเสียงสั่นเครือและสะอื้น
ภัยความมั่นคง ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย ทำงานอย่างหนักในการแก้ปัญหาชายแดน ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนโดยเฉพาะกองทัพที่ให้ความเชื่อมั่นในรัฐบาลที่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำ ทำให้ประเทศปลอดจากภัยคุกคาม เสริมสร้างศักยภาพกองทัพให้เข้มแข็ง
เราต้องทำให้ประเทศไทยเป็นที่ยำเกรงของคนที่ประสงค์ร้ายต่อประเทศ เราจะทำต่อไปให้มีความแข็งแกร่งมั่นคงยิ่งขึ้น คนที่คิดว่าจะทำอะไรประเทศไทยหรือเราต้องยอมทุกอย่าง ต้องกลับไปพลิกตำราใหม่ เพราะต่อจากนี้ไทยจะมีความแข็งแกร่งโดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง พรรคสร้างรั้วแน่นอน แต่เป็นรั้วของชาติ สร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตประชาชนทุกคน เราจะสร้างรั้วของชาติที่ป้องกันภัยทุกมิติ ทั้งทางการทหาร ภัยสงคราม ภัยยาเสพติด ภัยการลักลอบขนของเถื่อน การลักลอบนำเข้าพืชทางการเกษตร และแรงงานเถื่อน
นอกจากนี้ เราจะสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศสามารถป้องกันอาชญากรรมต่างๆ ได้ทั้งสแกมเมอร์ การพนัน ทุนเทา เพื่อให้ประชาชนจำว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เอาเรื่องพวกนี้ไม่เอาสีเทาทั้งหมด เราจะสร้างรั้วปกป้องประเทศจากสิ่งเหล่านี้
นายอนุทิน กล่าวต่อด้วยว่า พรรคภูมิใจไทย จะเปิดโอกาสทหารอาสาเพื่อรับใช้ชาติอย่างสมัครใจ และมีอนาคต จะเปลี่ยนคำว่าทหารเกณฑ์เป็นคำว่าทหารอาสา เพื่อจะได้มีทหารที่ตั้งใจเต็มใจเข้ามาปกป้องอธิปไตยดินแดนของไทย โดยจะเปิดรับสมัครทหารอาสา 1 แสนคน ให้ได้รับราชการเป็นทหาร 4 ปี เงินเดือน 12,000 หมื่นบาท จะทำให้ประเทศมีกำลังพลที่เข้มแข็งเพื่อปกป้องแผ่นดิน
ส่วนด้านเศรษฐกิจ 2-3 เดือน ที่ผ่านมาเรามีนโยบาย "ควิกบิ๊กวิน" มาให้ประชาชน ทำโครงการคนละครึ่งพลัส ที่ยังติดประชาชนอยู่คนละ 2,400 บาท ขอได้มีโอกาสกลับมาชำระหนี้ให้ แน่นอน ว่า โครงการนี้จะกลับมาแบบไม่ธรรมดา เพราะมีคำว่าพลัสกลับไปด้วย รวมถึงจะทำให้สินค้าที่ประทับตราเมดอินไทยแลนด์ เป็นสินค้าที่ทรงพลังที่ทั่วโลกต้องการ และที่ผ่านมาทำให้เห็นแล้วว่า เป็นฝ่ายตรงข้ามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผู้ค้ายาเสพติด ปราบสแกมเมอร์ เพื่อดูแลประชาชนไม่ใช่แค่คนไทย เพราะเรื่องนี้เป็นภัยคุกคามทั่วโลก 3 เดือนที่ผ่านมา ได้แสดงผลงานได้เป็นที่ประจักษ์ เศรษฐกิจดีขึ้น ราคาข้าว มันสำปะหลัง มีราคาสูงขึ้น เราได้นำประเทศไทยกลับคืนสู่เวทีโลก รักษาเกียรติภูมิของประเทศ ถ้าประชาชนให้โอกาส ให้เวลามากกว่านี้พรรคภูมิใจไทยจะทำได้ดีกว่านี้
ขอพิสูจน์พรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะเดินไปไหนหูได้ยินเสียงประชาชนเสมอ ขอให้เลือกพรรคภูมิใจไทยกลับมา จะได้นายอนุทินเป็นนายกฯ
ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทยกลับมา จะให้นายสีหศักดื์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของประเทศ นางศุภจี จะไม่เพียงเป็น รมว.พาณิชย์ แต่จะเป็นรองนายกรัฐมนตรีกำกับการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการค้า
นายเอกนิติ จะยังเป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง คุมการคลังของแผ่นดิน ดูวินัยการเงินการคลัง ดูค่าเงินบาท นโยบายทางเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้พรรคภูมิใจไทยไม่เคยมีมาก่อน แต่วันนี้มีแล้วจะทำงานครอบคลุม ถ้าทำไม่ได้พรรคภูมิใจไทยไม่พูด เมื่อก่อนมีข้อจำกัดแต่วันนี้ไม่มีข้อจำกัดแล้ว นอกเหนือจาก 3 คนที่กล่าวมา ยังมีคนที่มีความรู้ความสามารถที่ตนเองเชิญเข้ามา แม้จะมาจากส่วนอื่นในรัฐบาลที่แล้ว แต่วันนี้ไปขอให้มาร่วมงานกับภูมิใจไทย เพื่อประเทศไทย
อ่านข่าว :
กกต.เตรียมเปิดลงทะเบียนออกเสียงประชามติ 3 - 5 ม.ค.นี้
ครม.อนุมัติงบกลางจัดเลือกตั้ง สส. พร้อมทำประชามติ 8,978 ล้านบาท
"ไชยชนก" ปัดตอบ "ศุภจี - สีหศักดิ์" ตอบรับนั่ง แคนดิเดตนายกฯ "ภูมิใจไทย" หรือไม่
นายกฯ เผย กกต.ชงงบจัดเลือกตั้ง 69 พ่วงประชามติ 8 พันล้านบาท











