ก.คลังเตรียมเสนอ ครม.ขยายสินเชื่อฟื้นฟู 
ผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย แนะ ให้รัฐบาล และ ภาคเอกชนที่ต้องการฟื้นฟูและซ่อมแซมหลังน้ำลด ให้กู้เงินจากแหล่งเงินทุนในประเทศเพราะมีอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียงร้อยละ 3.3 เทียบเงินกู้จากต่างประเทศจะอยู่ที่ร้อยละ 4.3 ขณะที่สภาพคล่องของไทยยังเพียงพอ และ ธนาคารฯ พร้อมสนับสนุนหากนำเงินไปใช้ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ถูกต้อง เช่น การเพิ่มกำลังการผลิต การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
ขณะที่กระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยครั้งนี้ครอบคลุมทุกภาคส่วน ซึ่งอาจได้ข้อสรุปก่อนสิ้นปีนี้ เช่นให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยปล่อยกู้ โดยมีอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนพิเศษ หรือ ซอฟล์โลน ผ่านสถาบันการเงิน , การให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนที่ซื้อเครื่องจักรใหม่ให้สามารถหักค่าเสื่อมราคาในอัตราที่สูงกว่าปกติ , ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีภาระต้องซ่อมบ้านและรถยนต์ ให้นำค่าใช้จ่ายมาเป็นค่าลดหย่อนหักภาษี รวมถึงการยกเว้นอากรนำเข้าสำหรับสินค้าอื่นนอกเหนือจากรถยนต์
นอกจากนี้ยังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้าพิจารณาวงเงินสินเชื่อระยะกลาง และ ระยะยาวสำหรับการฟื้นฟูธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเพิ่มเติมจากโครงการสินเชื่อที่อนุมัติไปแล้ว 2,000 ล้านบาท โดยครั้งนี้จะขยายวงเงินให้สินเชื่อต่อเป็นรายละไม่เกิน 5 ล้านบาทจากล็อตเดิมไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยลอยตัว
นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า ธนาคารได้เสนอขอวงเงินสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรวม 20,000 ล้านบาท โดยมี 2 ทางเลือกให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสัปดาห์หน้า แบ่งเป็น วงเงิน10,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอี วงเงินรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 6 ระยะเวลาให้สินเชื่อ 6 ปี โดยผู้ประกอบการไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และ วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอี รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยลอยตัว MLR-2 โดยผู้ประกอบการต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งสองส่วนจะขอให้รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 2 เพื่อลดภาระให้กับผู้ประกอบการ
สำหรับกรอบวงเงินขอสินเชื่อช่วยผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันและก๊าซฯนั้น ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมนั้น ขณะนี้มีผู้ยื่นขอมาแล้วถึง 700 ราย วงเงิน 600 ล้านบาท ซึ่งเต็มวงเงินที่ได้ตั้งเป้าไว้ในเบื้องต้นแล้วแต่ยังมีผู้ได้รับความเดือดร้อนรวมมากกว่า 1,000 ราย จึงมีความเป็นไปได้ที่จะขยายวงเงินสินเชื่ออีกเท่าตัว หรือ 600 ล้านบาทรองรับ
แท็กที่เกี่ยวข้อง: