สำนักข่าวเอพี (AP) รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯ บางส่วนเริ่มทดลองใช้งานแชตบอต (Chatbot) พลังปัญญาประดิษฐ์ (AI Chatbot) หรือเอไอ แชตบอต เพื่อทำรายงานเหตุการณ์ฉบับร่าง ส่งผลให้อัยการ หน่วยงานกำกับดูแลตำรวจ และคณะนักวิชาการทางกฎหมายบางส่วนกังวลว่าแชตบอตอาจปรับแก้เอกสารพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมอาญาซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจว่าใครควรถูกดำเนินคดีหรือถูกจำคุก
รายงานระบุ AI Chatbot ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ ChatGPT และจำหน่ายโดยแอกซอน (Axon) บริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการพัฒนาเทเซอร์หรืออุปกรณ์ชอตไฟฟ้า (Taser) อาจเข้ามาปรับเปลี่ยนการทำงานของตำรวจอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมเสริมว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ต่างตื่นเต้นกับคุณสมบัติของ AI Chatbot ที่สามารถช่วยประหยัดเวลาได้
ริก สมิธ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของแอกซอน กล่าวว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้เลือกมาเป็นตำรวจเพราะอยากทำงานตำรวจ และการต้องใช้เวลาครึ่งวันไปกับการป้อนข้อมูลเป็นเพียงส่วนน่าเบื่อหน่ายของงาน พร้อมอธิบายว่าผลิตภัณฑ์เอไอตัวใหม่ที่มีชื่อว่า “ดราฟต์ วัน” (Draft One) ได้รับ “เสียงตอบรับเชิงบวกมากที่สุด” เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่บริษัทฯ เคยเปิดตัวมา
สมิธกล่าวว่าตอนนี้หลายฝ่ายอาจมีข้อกังวลอย่างแน่นอน โดยเฉพาะคณะอัยการเขตที่ปฏิบัติหน้าที่ฟ้องร้องคดีอาญา ซึ่งต้องการมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนรับผิดชอบกับการเขียนรายงานดังกล่าว ไม่ใช่เป็นฝีมือ AI Chatbot เพียงอย่างเดียว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจต้องให้การเป็นพยานในศาลเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขารู้เห็น
รายงานระบุว่าเทคโนโลยีเอไอ (AI) ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับหน่วยงานตำรวจ ซึ่งเคยนำเครื่องมืออัลกอริทึมมาใช้ในการอ่านป้ายทะเบียนรถ จดจำใบหน้าผู้ต้องสงสัย ตรวจจับเสียงปืน และคาดการณ์ว่าอาชญากรรมอาจเกิดขึ้นที่ไหน
รายงานทิ้งท้ายว่าการประยุกต์ใช้เหล่านี้หลายครั้งมาพร้อมกับความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและสิทธิพลเมือง ขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติพยายามกำหนดมาตรการป้องกัน ทว่าการนำรายงานตำรวจจากฝีมือเอไอ (AI) มาใช้ยังถือเป็นเรื่องใหม่มาก จนแทบไม่มีมาตรการป้องกันการใช้งานเลย
🎧 อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
ภาพซินหัว : เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนเฝ้ายามบริเวณจัตุรัสไทม์สแควร์ นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ วันที่ 20 ม.ค. 2021
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : AP, Xinhua
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech