NASA จับภาพดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่คาดว่ามีอายุน้อยที่สุดที่เคยพบมา โดยเป็นดาวเคราะห์ที่ยังมีวงโคจรทับซ้อนอยู่ในจานพอกพูนมวล และคาดว่าน่าจะมีอายุได้เพียง 3 ล้านปี
IRAS 04125+2902 b เป็นดาวเคราะห์อายุน้อยที่สุดที่ถูกค้นพบโดยวิธีการตรวจจับแบบ “ทรานซิต” (Transit Method) ที่อาศัยจังหวะที่ดาวเคราะห์เคลื่อนที่ผ่านหน้าดาวฤกษ์ จากการสังเกตการณ์พบว่าวงโคจรของดาวเคราะห์ดวงนี้ยังเต็มไปด้วยเศษฝุ่นที่เกิดขึ้นจากช่วงก่อกำเนิด ส่วนตัวดาวเคราะห์ก็ยังร้อนและเรืองแสงอยู่ จึงคาดว่าดาวเคราะห์ดวงนี้น่าจะมีอายุได้เพียง 3 ล้านปีเท่านั้น
ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะดวงนี้อยู่ในระบบดาวฤกษ์ที่เกิดขึ้นใหม่ในกลุ่มเมฆโมเลกุลวัว (Taurus Molecular Cloud) ห่างจากโลกประมาณ 430 ปีแสง ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดดาวฤกษ์ใหม่เป็นจำนวนมาก
นอกเหนือจากการที่ดาวเคราะห์ดวงนี้จะเป็นดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่มีอายุน้อยที่สุดที่เคยค้นพบมาแล้ว พฤติกรรมของวัตถุรอบดาวฤกษ์ดวงนี้ก็นับว่าแปลกประหลาดอีกมากเช่นกัน โดยปกติดาวเคราะห์ที่กำลังก่อตัวอยู่ในช่วงแรกของระบบดาวฤกษ์มักจะไม่สามารถสังเกตเห็นได้เพราะถูกบดบังโดยจากพอกพูนมวลที่อยู่รอบดาวฤกษ์ แต่ระบบนี้จานพอกพูนมวลกลับถูกเบี่ยงเบนบิดเบี้ยว เมื่อสังเกตการณ์จากโลก ดาวเคราะห์มีทิศทางเคลื่อนที่จากซ้ายไปขวาของดาวฤกษ์ แต่ตัวจานพอกพูนมวลกลับมีทิศทางขนานกับดาวฤกษ์และหันหน้ามาทิศทางที่เราสังเกตการณ์อยู่ ซึ่งการบิดเบี้ยวนี้เผยให้เห็นดาวเคราะห์ดวงนี้
การบิดเบี้ยวนี้นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ปกติ ราวกับว่าจานพอกพูนหรือดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกรบกวนโดยบางสิ่งบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการที่ตัวดาวเคราะห์เคลื่อนที่เข้าใกล้ดาวฤกษ์แม่ของมันมากเกินไป ผลกระทบจากระบบดาวคู่ หรือการถูกรบกวนโดยดาวฤกษ์ที่มีมวลมากโดยรอบที่เข้ามาใกล้ระบบดาวฤกษ์ดวงนี้มากเกินไป
คุณสมบัติของดาวเคราะห์ IRAS 04125+2902 b นับได้ว่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีมวล ⅓ ของดาวพฤหัสบดี แต่มันกลับมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่ใกล้เคียงกับดาวพฤหัสบดี หมายความว่ามันเป็นดาวที่มีความหนาแน่นต่ำ คาดว่าน่าจะเกิดจากการที่ชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์นั้นพองตัวจากความร้อนในช่วงการก่อกำเนิด ซึ่งดาวเคราะห์ดวงนี้อาจจะพัฒนาต่อไปเป็นดาวเคราะห์ประเภท “มินิ-เนปจูน” หรือ “super-Earth” หลังจากชั้นบรรยากาศหดตัว
การค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่มีอายุน้อยที่สุดนี้อาจจะช่วยทำให้เราสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับการก่อตัวและวิวัฒนาการของดาวเคราะห์ อีกทั้งการบิดเบี้ยวของจานพอกพูนมวลเมื่อเทียบกับระนาบการโคจรของดาวเคราะห์ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลกระทบของดาวเคราะห์เกิดใหม่จากการรบกวนของระบบที่อยู่โดยรอบ
การค้นพบนี้ถูกค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Transiting Exoplanet Survey Satellite (TESS) และได้รับการตีพิมพ์ลงวารสาร Nature ในเดือนพฤศจิกายน 2024
เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
พิสูจน์อักษร ศุภกิจ พัฒนพิฑูรย์
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
ที่มาข้อมูล : NASA
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech