บทเรียนจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้หลายประเทศตื่นตัวกับการเฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่ เป็นที่มาการพบเชื้อไวรัส “แลงยา (Langya)” ที่อาจมีการระบาดแทนที่โควิด-19
ไทยพีบีเอส โดยวันใหม่วาไรตี้ สัมภาษณ์พิเศษ ศ.เกียรติคุณ วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มาให้ความรู้โรคระบาดนี้
“ไวรัสแลงยา” เกิดจากอะไร ?
ศ.เกียรติคุณ วสันต์ กล่าวว่า ไวรัสแลงยา พบการระบาดครั้งแรกที่เมืองแลงยา มณฑลซานตง ประเทศจีน จึงเป็นที่มาของชื่อไวรัส
โดยเป็นไวรัสที่แพร่ระบาดจากสัตว์สู่คน โดยเริ่มพบตั้งแต่ 2561 ในชาวไร่คนหนึ่งในเมืองแลงยา ซึ่งป่วยด้วยไข้เรื้อรัง จากนั้นแพทย์ตรวจด้วยการสวอบ (Swab) ทางลำคอ หลังจากนั้นก็ทยอยพบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้อีก 34 คน ทั้งในมณฑลซานตงและเหอหนานของประเทศจีน
เมื่อถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อไวรัสนี้ พบรหัสพันธุกรรมคล้ายรหัสพันธุกรรมจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก คล้ายหนูมีปากยาวแหลม (Shrews) ก็อาจแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสน้ำลาย อุจจาระ ปัสสาวะ ที่ถ่ายลงไปในพืชผัก เพราะคนติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร
สำหรับไวรัสแลงยาอยู่ในกลุ่มไวรัส “เฮนนิปา” (Henipa) ซึ่งกลุ่มนี้ยังมีสมาชิก อาทิ ไวรัสโม่เจียง (Mòjiāng) ไวรัสนิปาห์ (Nipah) และไวรัสเฮนดรา (Hendra) ซึ่ง 3 สมาชิกนี้จะมีอาการระบบทางเดินหายใจก่อน ตามด้วยระบบประสาท สมอง มีการชัก และเสียชีวิต อัตราการตายค่อนข้างสูง ประมาณ 40-70%
แต่สำหรับแลงยายังไม่มีรายงานการเสียชีวิต เนื่องจากไวรัสแลงยาเป็นไวรัสอุบัติใหม่ และยังไม่พบการแพร่เชื้อจากคนสู่คน
ไวรัสแลงยา มีอาการอย่างไร ?
ศ.เกียรติคุณ วสันต์ กล่าวว่า อาการแลงยา มีระยะฟักตัวประมาณ 4-15 วัน ผู้ติดเชื้อจะมีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาเจียน มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ ตับม้ามล้มเหลวในบางราย แต่ยังไม่มีรายการผู้เสียชีวิต เพราะเป็นไวรัสใหม่
แต่หากดูไวรัสโม่เจียง (Mòjiāng) นิปาห์ (Nipah) และเฮนดรา (Hendra) พี่น้องของเขามีอาการมากกว่า ตั้งแต่อาการระบบทางเดินหายใจ ตามด้วยอาการทางสมอง สมองบวม อาเจียน สับสน ชัก โคม่าภายใน 24-48 ชั่วโมง หลังฟักตัว มีอัตราการตายค่อนข้างสูง 40-70%
“สิ่งที่เขาสนใจกันมากในกรณีไวรัสแลงยา คือมีการค้นพบโปรตีนหนามของไวรัสที่สามารถเกาะกับเซลล์แล้วเข้าไปในเซลล์ได้ จึงกังวลว่าอาจจะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดที่มากขึ้น และมีความคล้ายกับโควิด-19 แต่ก็เป็นข้อโชคดีว่า จะทำให้เราสามารถผลิตวัคซีนหรือยาได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษาไวรัสกลุ่มเฮนนิปา”
“แพทเทิร์นจะคล้าย ๆ โควิด-19 ที่เมื่อก่อน ผุบๆ โผล่ ๆ เชื้อแพร่ระหว่างสัตว์สู่สัตว์ สัตว์สู่คน และเป็นคนสู่คน ฉะนั้นต้องจับตาให้ดี ที่สำคัญโรคพวกนี้มีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง 40-70% อีกอย่างคือ ไม่มียา ไม่มีวัคซีน ไม่มีระเบียบปฏิบัติว่าจะดูแลอย่างไร ไม่มีชุดตรวจ”
รับมืออย่างไรกับไวรัส “แลงยา” ?
ศ.เกียรติคุณ วสันต์ กล่าวว่า บทเรียนโควิด-19 ที่มีการติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมากนั้น องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ลิสต์รายชื่อไวรัส 10 ตัว ที่ต้องเฝ้าระวัง โดยจัดอยู่ในกลุ่มไวรัสเฮนนิปา 1 ในนั้นคือ แลงยา ส่วนที่เหลือมี อาทิ โควิด เมอร์ส อีโบลา ซาร์ส ไข้เลือดออกไครเมียคองโก ซิกา ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นโรคที่มีอัตราการตายสูง ยังไม่มีวัคซีนและยา และมาตรการต่าง ๆ ที่รัดกุมมารักษา
“ทุกประเทศถอดบทเรียนโควิด-19 พยายามทำเป็นคู่มือ เพื่อตอบโต้หรือป้องกันโรคอุบัติใหม่ออกมา 12 ข้อ เช่น
- บุคลากรทางการแพทย์จะต้องอัพเกรดหรืออัปเดตความรู้ เนื่องจากโรคอุบัติใหม่จะเกิดถี่ขึ้น เพราะเรารุกป่า ภาวะโลกร้อน สังคมสูงอายุ การเดินทางด้วยเครื่องบิน และการอยู่หนาแน่นในสังคมเมือง
- ชุดตรวจ จะต้องผลิตให้ได้ในประเทศ เพิ่มห้องรักษา ICU ความดันลบ และโรงพยาบาลสนาม เพื่อพร้อมรับโรคอุบัติใหม่ที่จะเกิดบ่อยขึ้นในอนาคต
- รัฐบาลจะต้องสนับสนุนเงินทุนวิจัย ทั้งวัคซีน ยา สำเร็จรูป การวิจัยโรคจากสัตว์ที่มาสู่คนเป็นอย่างไร
- คณะกรรมการจริยธรรมที่พิจารณาโครงการวิจัยจะต้องรวดเร็ว จากเมื่อก่อนต้องใช้เวลา 3-4 เดือน ไม่ทันการ แต่ต้องพิจารณาภายในสัปดาห์หรือเดือน
- จะต้องทำงานร่วมกับ WHO ถอดรหัสพันธุกรรมถี่ขึ้น เพื่อดูว่ามีการระบาดหรือไม่ ทั้งการถอดพันธุกรรมจากน้ำเสีย ที่จะทำให้พบไวรัสก่อนระบาดสู่คน และจากคนในโรงพยาบาล
- ต้องให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพต่าง ๆ
- ต้องลดการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อลดภาวะโลกร้อน และดูแลสังคมสูงวัย ซึ่งตอนนี้กลุ่มเปราะบางเยอะขึ้น
- ต้องเสริมกฎระเบียบตลาดการค้าสัตว์ป่าให้รัดกุมมากขึ้น โดยต้องมีกฎระเบียบควบคุมงานวิจัยในห้องปฏิบัติการที่นำสัตว์ เชื้อโรคจากสัตว์ในห้องแลปไม่ให้หลุดออกไป เพราะกรณีโควิด ยังถกเถียงว่าเชื้อไวรัสมาจากตลาดสด หรือห้องแลป ในอู่ฮั่นกันแน่
- ต้องเตรียมแผนการ มาตราการต่าง ๆ เช่น กินร้อนช้อนกลาง เว้นระยะห่างทางสังคม ฉีดวัคซีน การปิดโรงเรียน ปิดเมือง หากจำเป็น ซึ่งต้องเตรียมพร้อมสำหรับโรคระบาด” ศ.เกียรติคุณ วสันต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าโรคอุบัติใหม่ใดเข้ามา ปฏิบัติตามหลัก DMH ยังใช้ได้เสมอ คือ
· Distancing เว้นระยะห่างทางสังคม
· Mask Wearing สวมแมสก์
· Hand Washing ล้างมือบ่อย ๆ ทั้งน้ำสบู่ และเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ
ที่มา : Nature Communications, Center for Medical Genomics
📖 อ่านเพิ่มเติม :
• รู้จัก ไวรัสพันธุ์ใหม่ "แลงยา" ที่อาจระบาดแทน "โควิด-19"
· เป็นไข้หน้าฝนอย่าชะล่าใจ เทียบอาการ “โควิด-19 Vs ไข้เลือดออก”
· ปักหมุด จุดฉีดวัคซีนโควิดฟรี เดือน มิ.ย.-ก.ค. 66 ในกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด