"เครื่องมือที่มีค่าที่สุดของเรา คือจิตใจของเราเอง"
นี่น่าจะเป็นคำกล่าวที่สะท้อนแนวคิดพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลังซีรีส์ที่ชื่อ Mindful Earth ได้เป็นอย่างดี
ความเฉียบของซีรีส์นี้อยู่ตรงการนำทรัพยากรของทั้งสององค์กรนั้นมาประสานรวมกันเป็นคอนเทนต์ใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ได้อย่างชาญฉลาด ด้านหนึ่งคือ ภาพธรรมชาติงดงามอลังการตื่นตาตื่นใจในคลังของ BBC Earth และอีกด้านคือเนื้อหาว่าด้วยการบำเพ็ญสมาธิจาก Headspace Studios ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว ผลที่ได้ก็คือรายการสารคดีที่ชวนให้เรา-เหล่ามนุษย์ผู้กำลังเหนื่อยล้าในโลกที่รวดเร็วและวุ่นวาย-มาหายใจให้ช้าลง แล้วเรียนรู้จังหวะท่วงทำนองอันผ่อนคลายจากโลกของธรรมชาติ ทั้งหมดนี้ฟังดูเป็นคอนเซ็ปต์เรียบง่าย แต่ก็แปลกใหม่น่าสนใจในเวลาเดียวกัน
เนื้อหาของ Mindful Earth แบ่งเป็น 4 ตอน ได้แก่ "ลมหายใจ" (ที่ทำให้เราได้เห็นความสัมพันธ์ของการหายใจกับวิถีของพืชและสัตว์), "ความเปลี่ยนแปลง" (พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกและสรรพสิ่ง ชีวิตทั้งในน้ำและบนบก), "ความเบิกบาน" (ช่วงเวลาของความสุขสงบของจิตใจ) และ "ฟื้นฟูกายใจ" (การพักผ่อนและความสงบแช่มช้าของสัตว์โลก) โดยทั้งหมดนี้กลั่นกรองมาจากแนวคิดของ แอนดี้ พุดดิคอมบ์ อดีตพระภิกษุสัญชาติอังกฤษผู้ก่อตั้ง Headspace แอพพลิเคชันฝึกสมาธิยอดฮิตนั่นเอง


ที่มาที่ไปของพุดดิคอมบ์ก็น่าสนใจมาก เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ชีวิตของเขาพบจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เมื่อต้องสูญเสียเพื่อนสนิทสองคนจากอุบัติเหตุทางถนน น้องสาวจากอุบัติเหตุจักรยานยนต์ และแฟนสาวจากการผ่าตัดที่ล้มเหลว โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในปีเดียว ส่งผลให้เขารู้สึกพ่ายแพ้สิ้นหวังและตัดสินใจหันหน้าเข้าสู่ทางธรรม โดยใช้เวลาถึง 10 ปีในการบวชเป็นพระภิกษุแล้วเดินทางแสวงบุญในหลายประเทศแถบเอเชีย ทั้งเนปาล อินเดีย พม่า และไทย ก่อนจะสึกออกมาในปี ค.ศ. 2005 และกลับไปยังอังกฤษบ้านเกิด พร้อมความตั้งใจที่จะนำประสบการณ์จากการบวชไปเผยแพร่ให้คนอื่น ๆ ได้รู้จักวิธีแสวงหาความสงบผ่านการนั่งสมาธิ
ไม่กี่ปีให้หลัง พุดดิคอมบ์ไปจับมือกับ ริชาร์ด เพียร์สัน พาร์ตเนอร์ทางธุรกิจแล้วเริ่มต้นกิจการ Headspace ซึ่งกลายเป็นสตาร์ตอัพมูลค่าพันล้าน ด้วยแนวคิดทางการตลาดฉลาด ๆ อย่างการนำวิธีคิดแบบเกมมาประยุกต์ใช้ให้เนื้อหาว่าด้วยการฝึกสมาธิกลายเป็นเรื่องเข้าถึงง่าย น่าสนุก และน่ามีส่วนร่วม ความเชี่ยวชาญเหล่านี้เองที่ทำให้พุดดิคอมบ์ได้มาร่วมงานกับ BBC เพื่อผลิตสารคดีชุดนี้ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ผู้ชมในยุคปัจจุบันได้อย่างพอดิบพอดี ด้วยการเชื้อเชิญให้ทุกคนใช้เวลาวันละสั้น ๆ กับการออกจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน แล้วหันไปรับรู้เพ่งมองความงดงามของธรรมชาติ เพื่อเชื่อมต่อตัวเองกับโลกรอบตัว ดึงให้เราอยู่กับปัจจุบัน และเติมพลังจากภาพที่เห็นไปด้วยพร้อมกัน



“เราเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ใหญ่กว่าเสมอ ไม่ใช่แค่ผู้คนรอบตัวเรา แต่รวมถึงสิ่งมีชีวิตรอบตัว และโลกรอบตัวเราด้วย” พุดดิคอมบ์เคยกล่าวไว้ “ตราบใดที่เรามีความคิดนี้อยู่ในใจ เราก็จะไม่มีวันโดดเดี่ยว ความรู้สึกเชื่อมโยงนี้จะมอบความรู้สึกสงบ พึงพอใจ และความรักให้เราในวันที่ดี และมันจะช่วยนำพาเราผ่านความท้าทายยาก ๆ ในชีวิตไปได้ด้วย”